เล่าเรื่องเที่ยวเขมร ๒๕๖๕
ตอนที่ ๖ : "ศรีศิขเรศวร"
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๒
เจ้าชายจากอาณาจักรเจนละ
ทรงไปศึกษาเล่าเรียนบนเกาะชวาในฐานะ
“ราชบุตรบุญธรรม”
ซึ่งมีความหมายเดียวกับการเป็น “องค์ประกัน”
เมื่อพระองค์เสด็จกลับจากชวา พระชนมายุได้ ๒๐ พรรษา
ได้ทรงรวบรวมบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น
โดยพระองค์ได้ทรงประกอบพระราชพิธีอันศักดิ์สิทธิ์
บนเขา "พนมกุเลน" หรือ "มเหนทรบรรพต"
ประกาศเอกราชจากชวา
และสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็น "พระจักรพรรดิราช"
จากนั้น ทรงทำสงครามเพื่อ
รวมดินแดนของอาณาจักรใกล้เคียง
มาผนวกเข้ากับ "จักรวรรดิขะแมร์"
พระองค์ได้ทำสงครามปราบปราม
"อาณาจักรตะบองขะมุม" (อาณาจักรของชาวกูย )
ซึ่งมีฐานอำนาจอยู่บริเวณเทือกเขาพนมดงรัก
และขยายพื้นที่เข้ามาในหลายเมือง
ทางภาคอีสานของประเทศไทย
เพื่อความสงบศึก "พระนางพิณสวรรครามาวตี"
ผู้ปกครอง "เมืองวิเภทะ"
(ปัจจุบันอยู่ในเขตพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย)
จึงถวายพระธิดานามว่า "ปาวิตรา"
ให้อภิเษกสมรส กับ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๒
ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ ๒
ได้ทรงสถาปนา "พระนางปาวิตราเทวี" ขึ้นเป็น
พระอัครมเหสีพระนามว่า "พระนางกัมพุชราชลักษมี"
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๒
ทรงโปรดให้สร้าง เทวาลัย (บนเขาพระวิหาร )
เพื่อถวายแด่ พระศิวะมหาเทพ
และได้ทรงกำหนดพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร (ศรีศิขเรศวร)
ซึ่งเป็นเขตของ เจ้าพื้นเมืองในตระกูล แห่ง
"พระนางกัมพุชราชลักษมี" พระมเหสีของพระองค์
ให้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้าง “ภวาลัย”
หรือ "ปราสาทประธาน"
ที่ประดิษฐานเทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ (ศิวลึงค์)แห่งเขาพระวิหาร
ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น
ของการสร้างศาสนสถานบนเขาพระวิหารแห่งนี้
จารึกที่พบ ณ "ภวาลัย" บนเขาพระวิหาร
จึงเรียกชื่อจารึก ว่า “ศิลาจารึกศิวศักติ”
เทือกเขาพนมดงรัก "ศรีศิขเรศวร"
แปลน และ รูปตัด พื้นที่อันศักดิ์สิทธิบนเทือกเขาพนมดงรัก "ศรีศิขเรศวร"
ทางขึ้น "ศรีศิขเรศวร" ชั้นล่างสุด ก่อนถึงสะพานนาคราช
นาคบันไดสะพาน (ศิลปแบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ ๑๖ )
นาคหัวบันไดสะพาน (ศิลปแบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ ๑๖ ) เชื่อมต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก (ศรีศิขเรศวร)
นาคหัวบันไดสะพานเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก (ศรีศิขเรศวร)
โคปุระชั้นแรกสุด (๕) จากปรางค์ประธาน (ภวาลัย) และ (๑) จากทางขึ้น
ปลายหน้าบัน ศิลปแบบบันทายสรี พุทธศตวรรษที่ ๑๖
หน้าบัน ภาพ"อุมามเหศวร" บนศรีศิขเรศวร
"ภวาลัย" บน ศรีศิขเรศวร (เขาพระวิหาร)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น