วัตรปฏิบัติ บางวัน
ในการเรียนโบราณคดี รอบสอง
ตอน : ไม่ได้ลบหลู่ แค่วิจารณ์เฉย ๆ "
วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕
เดินทางจากจังหวัดสุโขทัย ถึง เมืองศรีสัชนาลัย
ขึ้นไปนอนบนเขาพนมเพลิง
อากาศเย็นสบาย ปลอดภัยดี ไม่มีสิ่งใด รบกวน
เช้าหลังรับประทานอาหารที่ริมแก่งหลวงแล้ว
พี่ขุน (อ.คงเดช ประพัฒน์ทอง) พาเด็ก ๆ ขึ้นไปดูวัดบนเขาพนมเพลิง
ข้าพเจ้ากับปื๊ด (พรชัย สุดลาภา )
แยกทางจะไปดูศาลหลักเมือง ศรีสัชนาลัย
เพราะถึงแม้จะมาศรีสัชนาลัย หลายครั้ง
แต่ก็ยังหาโอกาสไปดูไม่ได้สักที
ครั้งนี้ได้โอกาสดี
เมื่อเข้าไปดูเห็นลักษณะโบราณสถาน แล้ว
พากันข้องใจ ต่างก็พากันวิจารณ์ อีกว่า
“ดูรูปร่างพิลึก แปลกพิสดารเหลือเกิน
คล้ายกับช่างผู้สร้าง
ไม่มีฝีมือ
เพราะดูเหมือนไม่ได้สัดส่วนที่ดีเลย”
วิจารณ์กันแล้ว ก็พากันเดินออกมานั่งตรงวิหารข้างหน้า
ทั้งข้าพเจ้าและปื๊ด รู้สึกตัว ว่า
"หูอื้อ มาก "
แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่า
คงเป็นความกดอากาศตามธรรมชาติ
ปื๊ด(พรชัย) จึงปรารภออกมาว่า
“ความเงียบ ก็สามารถทำให้หูอื้อได้เหมือนกัน
ที่บริเวณนี้ ก็เป็นที่บนพื้นดินที่ราบธรรมดาเท่านั้น
ยังหูอื้อขนาดนี้
ถ้าไปเป็นนักบินจะทนได้หรือ ?”
ข้าพเจ้ายืนดูอย่างเงียบ ๆ
แล้วก็พาเดินออกมาจากบริเวณหลักเมือง นั้น
คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่า
พอพ้นเขตกำแพงศาลหลักเมือง เท่านั้น
อาการหูอื้อก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
ข้าพเจ้าสอบถามปื๊ด ว่า รู้สึกเช่นไร
ปื๊ด ก็เป็นเหมือนกัน
จึงชักเอะใจ
ชวนกันกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง
เหตุการณ์ก็เป็นเหมือนเดิม คือ
“เกิดอาการหูอื้อ หนักกว่าเดิม”
ทั้งข้าพเจ้าและปื๊ด ถึงกับยกมือไหว้
ขอขมา มิได้ลบหลู่ดูถูกแต่อย่างใด
ตั้งใจปรารถนาจะมาดูจริง ๆ
ขนลุกหมดทั้งตัว
"ก็ดูไม่สวยจริง อ่ะ...วิจารณ์หน่อยก็ไม่ได้"
รีบเดินกลับและขึ้นเขาพนมเพลิง
ยังไม่ทันเล่าอะไร
คงเห็น "หน้าถอดสี" ของเราสองคน
พี่ขุน (อ.คงเดช) ก็เลยทักว่า.."โดนดี มาแล้วสิท่า"