Best Thai History

Amps

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ตามรอยสุนทรภู่ไปสุพรรณ ตอน วัดแจ้ง เปลี่ยนชื่อเป็น วัดอรุณ เมื่อใด

 ตามรอยสุนทรภู่ไปสุพรรณฯ

 "วัดแจ้ง" เป็น "วัดอรุณ" เมื่อใด

สุนทรภู่ ออกพ้นจากปากน้ำคลองโอ่งอ่าง 
เลี้ยวขึ้นมาทางเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยา 
ผ่าน วัดแจ้ง (วัดอรุณราชวรรามราชวรมหาวิหาร) 
สุนทรภู่ ได้เขียนถึงวัดนี้ ว่า 
๑๐๏ วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง เตียงนอน
เคยปกนกน้อยคอน คู่พร้อง
เคยลอบตอบสารสมร สมารสมัก รักเอย
จำจากพรากนุชน้อง นกน้อยลอยลม ฯ
“วัดแจ้ง” เป็นชื่อวัดที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา 
ใน “เพลงยาวหม่อมภิมเสนบ้านเมืองดี” 
วรรณกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย กล่าวเริ่มต้น ว่า
ออกเดินทางจากวัง มาลงเรือรบ ชื่อ “กระหนกจาม” ที่ ประตูชัย 
ผ่านบ้านดิน วัดโพไชยราม เกาะพระ ถึงทนบุรี 
จอดเรือนอนที่ หน้าวัดแจ้ง ดังเพลงยาวว่า.-
“ถึงตัวไกลใจน้องยังผูกพัน  จนไก่ขันกระชั้นเร่งระวีวรฯ
@เขาแจวเรือมาจอดหน้าวัดแจ้ง แรงร้อนข่อนคิดขุ่นสมร
ประทับร้อนระทมอารมร้อน แต่ทอดถอนใจหาทุกนาทีฯ”
 ในพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) 
บันทึกเหตุการณ์ในช่วงปลายแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี ว่า 
“ ลุศักราช ๑๑๔๐ ปีจอสัมฤธิศก ครั้นปีกุรเอกศก ( พ.ศ.๒๓๒๒ )
ดำรัสให้พระเจ้ากษัตริย์ศึกเป็นจอมทัพ 
ไปกระทำแก่กรุงศรีสัตนาคนหุต ได้ 
จึงอัญเชิญพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตลงมา ณ กรุงธนบุรี 
พระเจ้าอยู่หัวให้แต่งโรงรับเสด็จขึ้นประดิษฐานไว้ 
ณ ข้างพระอุโบสถวัดแจ้ง แล้วก็กระทำมหันตสักการสมโภชเป็นอันมาก”
รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  
เมื่อจะทรงย้ายราชธานี 
จาก กรุงธนบุรี ไป อยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา 
ก็ยังเรียกชื่อวัดนี้ ว่า “วัดแจ้ง”  
ดังที่ทรงมีพระราชดำริ ตอนหนึ่งว่า 
“พระราชนิเวศน์มาเทียรสถานเล่า ก็ตั้งอยู่ในที่อุปจาร 
ระหว่าง”วัดแจ้ง” (วัดอรุณฯ)และ “วัดท้ายตลาด”(วัดโมลีโลกยาราม)
ขนาบอยู่ทั้งสองข้าง ควรเป็นที่รังเกียจ” 
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 
สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ขึ้นแล้ว ก็โปรดเกล้าฯ ให้ 
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร 
เสด็จไปประทับที่พระราชวังเดิม 
และได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่ทั้งวัด แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็สิ้นรัชกาลที่ ๑ 
สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร 
ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็น
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 
พระองค์ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ วัดแจ้ง ต่อมา 
และพระราชทานนามใหม่เป็นทางการ ว่า “วัดอรุณราชธาราม” 
ต่อมามีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น 
แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน 
จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว 
โปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้น
และให้นำมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่อง
ที่จะเป็นพระประธานวัดนางนอง
มาติดต่อบนยอดนภศูล 
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ 
และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิ
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
มาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย 
เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง 
พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม” 
ในโคลงนิราศสุพรรณฯ ได้กล่าวถึงชื่อใหม่ของวัดแจ้งไว้ด้วย ว่า 
“วัดวรุณราช” 
เพียงแต่เปลี่ยนคำจาก “อรุณราช” มาเป็น “พระวรุณราช” ไปในเชิงกวีนิพนธ์ แต่ ก็ยังมี คำว่า “วัด” ติดเข้ามาในบาทสุดท้ายด้วย
๑๑ ๏ สาวแก่แม่ม่ายแม้น มีคุณ
ขอเดชะพระวรุณ ราชรู้
ยามดึกนึกส่งบุญ แบ่งฝาก มากเอย
วัดช่วยอวยสวัสดิขู้ คิดพร้องสนองเพลง ฯ
คนทั่วไปยังติดที่จะเรียกชื่อเก่าของวัดว่า “วัดแจ้ง”
มากกว่าจะเรียกว่า “วัดอรุณฯ” 
ดังที่ สุนทรภู่ ) ประพันธ์ไว้ใน "โคลงนิราศสุพรรณ"






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น