Best Thai History

Amps

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ตามรอยสุนทรภู่ไปสุพรรณฯ ผ่าน วัดเลียบ วัดราชบุรณะ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย

 ตามรอยสุนทรภู่ไปสุพรรณฯ

๘.  วัดเลียบเงียบสงัดหน้า อาราม

ขุกคิดเคยพญายาม แย่งน้อง

รวยรินกลิ่นสไบทราม วาดร่วง  ทรวงเอย

สรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง เพราะเจ้าเบาใจฯ

"วัดเลียบ"เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย 
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 
ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สมบัติ
กรุงเทพพระมหานครอมรรัตนโกสินทร์แล้ว 
เพื่อให้เป็นไปตามแบบวัดที่กรุงเก่า 
สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ 
พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ 
พระพี่นางเธอในรัชกาลที่ ๑ 
จึงทรงบูรณปฏิสังขรณ์ "วัดเลียบ" ขึ้นใหม่
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 
พระราชทานนามว่า "วัดราชบุรณะ"
เมื่อครั้ง สุนทรภู่ ออกบวชหลบราชภัย  
เมื่อสิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รัชกาลที่ ๒  (พ.ศ.๒๓๖๗)
๑๒.ยนฉนวนหวนนึกน้ำ เนตรนอง
พระธินั่งบันลังทอง ที่เฝ้า
ชำระพระนิพนสนอง เสด็จสนิด  ชิดเอย
สริ้นแผ่นดินปิ่นเกล้า กลับร้างห่างฉนวน ฯ
หรือ จากนิราศภูเขาทอง สุนทรภู่เขียนไว้ว่า
"สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา  
วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์" 
สุนทรภู่มาบวชที่วัดเลียบแห่งนี้ ก็ยังประสบเคราะห์กรรม
ดังตอนหนึ่งในนิราศภูเขาทอง กล่าวว่า
    "โอ้อาวาสราชบูรณะพระวิหาร       แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น
เหลือรำลึกนึกน่าน้ำตากระเด็น            เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง
จะหยิบยกอธิบดีเป็นที่ตั้ง                   ก็ใช้ถังแทนสัดเห็นขัดขวาง
จึ่งจำลาอาวาสนิราศร้าง                     มาอ้างว้างวิญญาในสาคร"
ธรรมดาของข้าราชการที่ตกอับ 
เพื่อนฝูงที่เคยใกล้ชิดสนิทสนม 
ก็พากันห่างหาย ไม่กล้าเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมด้วย
แม้กระทั้ง จะจำพรรษาอยู่วัดใดวัดหนึ่งนาน ๆ 
ก็พลอยจะมีเรื่องให้เดือดร้อนอยู่ร่ำไป 
ต้องตระเวนจำพรรษา ในวัด อื่น ๆ เช่น วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) วัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) วัดมหาธาตุ เป็นต้น
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ 
เนื่องจากวัดตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ คือ 
สะพานพระพุทธยอดฟ้า 
และโรงไฟฟ้าวัดเลียบ (ปัจจุบันคือการไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ) 
สถานที่สำคัญต่าง ๆ ของวัด 
รวมทั้งพระอุโบสถที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือขรัวอินโข่ง 
จึงถูกระเบิดทำลายจนหมด 
เหลือแต่พระปรางค์องค์ใหญ่หน้าพระอุโบสถเพียงองค์เดียว 
จนต้องประกาศยุบวัดเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ 
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๙๑ 
จึงมีผู้มีศรัทธาได้ร่วมกันปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดตามเดิม 
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ใหม่ 
เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๓







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น