วัตรปฏิบัติ บางวัน ในการเรียนโบราณคดี รอบสอง
"บันทึกการเดินทางไปสำรวจแควใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี"
ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒ มิถุนายน - ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๖
ตอน : แหล่งโบราณคดี "ไร่หาญสงคราม"
วันเสาร์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๖
ออกเดินทาง เมื่อเวลา ๑๐.๔๕ น.
ทั้งนี้ เพราะเหตุขัดข้องบางประการ
ของ ฉลวย จารุภานานนท์
เกี่ยวกับจะต้องทำรายงานมนุษย์วิทยาส่ง ในวันนี้ให้เสร็จ
รถที่จะไปคราวนี้เป็นรถจิ๊ป สองตอน พื้นที่แคบ
แต่นั่งนิ่มดีกว่ารถแลนด์โรเวอร์
คนขับรถก็คนใหม่ หน้าตาดี พูดน้อย
รูปร่างสันทัด ผิวเนื้อดำแดง
การเดินทางครั้งนี้
เนื่องจากออกสายจึงตียาว รวดเดียวถึงอำเภอลาดหญ้า
เพื่อพบกับใครบางคน ของ อาจารย์พิสิฐ
รถไปถึงลาดหญ้า ทันพบแขกที่นัดไว้ตามเวลาพอดี
คือ ๑๓.๐๐ น.
หลังจากการแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว
“พี่ปาน” หนุ่มรูปร่างเล็ก
เจ้าของ “ไร่หาญสงคราม”
และโรงงานทำแป้งมันสำปะหลัง
แนะนำให้รู้จักกับ "กำนันลาดหญ้า"
ผู้มีความพัวพันอยู่กับกรณีล่าสัตว์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ด้วย
ทั้งสองคนผ่านรั้วมหาวิทยาลัยมาแล้ว
ดูเหมือนจะจบ
วิศวกรรมศาสตร์มาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งคู่
แต่ไม่ชอบอาชีพรับราชการ
และรังเกียจความวุ่นวายของเมืองหลวง
จึงหนีออกมาทำไร่ ทำเหมือง
ใช้ชีวิตอย่างอิสระและสันโดษอยู่ในป่าดงพงพี
ไม่น่าแปลกที่เห็น “กำนันปริญญา”
ขี่รถอเมริการาคาแพง
และ “พี่ปาน” ขี่รถโฟล์ค ตู้ อย่างโก้หรู
เพราะพื้นฐานของบุคคลทั้งสองมั่นคง
ไม่น้อยกว่าเศรษฐีบางคนในกรุงเทพฯ
กำนันปริญญา นอกจากจะเป็นกำนันแล้ว
ยังเป็นเจ้าของเหมืองแร่อยู่ทางชายแดนพม่า
ส่วนพี่ปาน ก็ขมักเขม่น ทำไร่ที่มีอยู่กว่าพันไร่ ไปอย่างสงบ นอกจากจะทำไร่ไถนาแล้ว
พี่ปานยังให้ความสนใจ เอาใจใส่
และหวงแหนในทรัพย์แผ่นดินที่ขุดพบได้ภายในไร่
มิใช่เป็นไปเพื่อต้องการความโด่งดัง
แต่ทำไปเพื่อจะหวังจรรโลงอารยธรรมดึกดำบรรพ์ของชาติไว้ ผิดกับบุคคลบางคนที่มุ่งหวังจะเอาผลประโยชน์
หรือ สร้างความวุ่นวายจากสิ่งของเหล่านี้
จนลืมทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ชาติของตัวเอง
ข้าพเจ้าพลอยดีใจด้วยที่เห็นบุคคลประเภทนี้
ยังมีเหลืออยู่ในเมืองไทย
การกระทำของเขาเป็นที่น่าสรรเสริญ
เมื่อ พี่ปาน แจ้งข่าวการขุดพบร่องรอยก่อนประวัติศาสตร์
ในขณะที่ขุดหลุมเสาปลูกบ้านไปให้ อาจารย์ พิสิฐ ทราบ
โดยโทรศัพท์ทางไกล ไปหา
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนเลย
ที่ทำไปเช่นนั้น ด้วยความหวังว่า
จะได้มีผู้มีความรู้มาขุดเอาของขึ้น
และทำการบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่แน่นอน
ดีกว่าจะให้คนอื่นที่ไม่มีความรู้ที่ถูกต้อง
ตามหลักวิชาการมาขุดทำลายโดยเสียประโยชน์
พี่ปาน เล่าว่า ครั้งแรกคิดว่าคงจะมีไม่มาก
จึงขุดลึกลงไปเพื่อทำส้วม
แต่เมื่อขุดลึกลงไปยิ่งพบมาก
เกรงว่า การขุดของตนเองจะเป็น
การทำลายแหล่งโบราณคดีไปอย่างผิด ๆ จึงหยุด
ไม่คิดจะต่อเติมบ้านออกไปอีก เพราะตั้งปณิธาน ไว้ว่า
“บ้านนั้น เมื่อไหร่ก็ต่อเติมได้
แต่อารยธรรมของมนุษย์
เมื่อหมดหลักฐานเสียแล้ว
จะเติมต่ออย่างไร ก็ไม่เป็นผล
มีแต่จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์”
หลังจากเรารับประทานอาหารกลางวันด้วยกันแล้ว (พี่ปานเลี้ยง) ก็ออกเดินทางไป "ไร่หาญสงคราม"
ซึ่งอยู่เลยจากอำเภอลาดหญ้าไปตามทางที่เราจะไป
แต่แยกเข้าไร่ตรงลำตะเพิน
ข้อมูลลเพิ่มเติมในภายหลังว่า...
๑.แหล่งโบราณคดีบ้านไร่หาญสงคราม
ได้รับประกาศเป็นแหล่งข้อมูลภูมิภาคตะวันตก
ลำดับที่ 89 ไร่หาญสงคราม ก่อนประวัติศาสตร์(หินใหม่)
บ้านหลุมมะกอก หมู่ที่ 6 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง
จังหวัดกาญจนบุรี ละติจูด14.135076 ลองติจูด 99.389145
๒. ไร่หาญสงคราม เป็น ๑ ใน แหล่งดินสมรภูมิลาดหญ้า
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ซึ่งเคยเป็นสมรภูมิรบครั้งสำคัญ
ที่วีรบุรุษบรรพชนของไทยได้สละชีวิต หลั่งเลือดชโลม
ผืนแผ่นดิน เพื่อปกป้องอิสรภาพ อธิปไตย
โดยใช้หลักการขุดค้นทางโบราณคดีถึงชั้นดิน
ที่เน้นสมรภูมิจริง นักธรณีวิทยาพิสูจน์ หลักฐานในชั้นดิน
เพื่อให้ถูกต้องตามข้อมูลประวัติศาสตร์การรบของบรรพชนไทย
ณ บริเวณไร่หาญสงคราม บ้านปากน้ำรัก
ตำบลวังด้ง อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
หยุด ไม่คิดจะต่อเติมบ้านออกไปอีก เพราะตั้งปณิธาน ไว้ว่า “บ้านนั้น เมื่อไหร่ก็ต่อเติมได้ แต่อารยธรรมของมนุษย์ เมื่อหมดหลักฐานเสียแล้ว จะเติมต่ออย่างไร ก็ไม่เป็นผล มีแต่จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์”
ไร่หาญสงคราม ก่อนประวัติศาสตร์(หินใหม่)
บ้านหลุมมะกอก หมู่ที่ 6 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง
จังหวัดกาญจนบุรี
ตู้จัดแสดงโบราณวัตถุ ก่อนประวัติศาสตร์ สมัยหินใหม่ ที่ พช.บ้านเก่า กาญจนบุรี
พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๑ ณ อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ ลาดหญ้า
หุ่นจำลอง สงครามลาดหญ้า
ภาพวาดจำลองเหตุการณ์ สงครามลาดหญ้า
อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ
อาคารประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร อนุสรณ์สถานแห่งชาติ. ดอนเมือง กทม.








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น