อําเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี ศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี มัลดีฟ มีที่มาที่ไป เป็นอย่างไร ก่อนเมืองจะจมน้ำทั้งอำเภอ
"บันทึกการเดินทางไปสำรวจแควใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี"
ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒ มิถุนายน - ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๖
ตอน :"ศรีสวัสดิ์" อำเภอใต้น้ำ
วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๖
เช้าวันนี้ ดูอากาศค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย
เพราะเมื่อคืนก่อนจะเข้านอน
เบิกเงินล่วงหน้ากันไปแล้ว คนละ ๑๐๐ บาท
เสียงนกเสียงกา ยังเจื้อยแจ้วอยู่ในราวไพร
เสียงเรียกเสียงรับยังดำเนินไปตามครรลองของธรรมชาติ
เราใช้เวลากับอาหารเช้าเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น
แล้วก็ขนของใส่เป้ขึ้นหลัง
ออกเดินทางจากบ้านพักไป
ราวกับนักเผชิญโชคที่ช่ำชองในการเดินป่า และ พจญภัย
พวกนิสิตจุฬามองพวกเราจากไปอย่างสนใจ
จะเป็นเพราะกระหายที่จะไปร่วมสนุกกับพวกเราด้วย
หรือ หมั่นไส้ในท่าทางหรือกิริยาของพวกเราแต่ละคน
ก็ไม่ทราบได้
แต่ข้าพเจ้ารู้สึกตัวเองเหมือนกันว่า
กำลังเป็นเป้าสายตา
จึงทำท่าทางให้เข้มแข็งไว้เช่นนั้น
ทั้ง ๆ ที่สัมภาระของข้าพเจ้าไม่ใช่เบาเลยทีเดียว
๐๘.๓๐ น. ออกเดินทางจากเขื่อน
ด้วยเรือลำใหม่ ที่มีขนาดย่อมกว่าลำที่แล้ว
แต่มีความสามารถที่เหนือกว่าหลาย ๆ ด้าน
คือ สามารถที่จะแล่นผ่านแก่งยาวไปได้
โดยไม่ต้อถ่ายคนขึ้นเดินบนบก
ซึ่งเป็นความชำนาญทางของนายท้าย “อุบล” และผู้ช่วย “โอ๊ก” ที่ได้รับการรับรองมาอย่างดีจาก
คุณวิรัช ผู้ประสานงาน ของ กฝผ.
ว่า มีความสามารถที่จะพาคณะเราผ่านแก่งยาว
ขึ้นไปได้อย่างสะบาย
๑๑.๑๐ น. เป็นสถิติการแล่นที่เร็วพอใช้
คือ เร็วกว่าเรือลำก่อน ก็ถึง
ตัวอำเภอศรีสวัสดิ์
แวะขึ้นเพื่อหาซื้อเสบียง
และรับประทานอาหารกลางวัน
ตัวอำเภอศรีสวัสดิ์ ถ้าไปเห็นที่อื่น
เราอาจไม่เชื่อ
เพราะเล็กเหลือเกิน ที่ทำการรัฐบาลมี ๒ - ๓ แห่ง
คือ ตัวอำเภอ สถานีตำรวจ และอนามัย
ส่วนประกอบของตัวอาคารทำด้วยไม้ทั้งสิ้น
เก่าและผุพัง รอเวลาที่จะพังทำลายลงมาเท่านั้นเอง
ไม่มีการซ่อมแซมเพิ่มเติม
เพราะอีกไม่นานนัก
อำเภอนี้ก็จะหายสาบสูญไปอยู่ใต้ลำน้ำแควใหญ่
ตลอดทั้งอำเภอ
มีถนนลูกรังสายหลักเพียงสายเดียวเท่านั้น
ที่ทอดยาวไปตามแนวลำน้ำ
ตั้งแต่หัวอำเภอจรดท้ายอำเภอ
ส่วนถนนซอยที่จะแยกแยะออกไปก็พอมีบ้าง
แต่ไม่สลักสำคัญอะไรนัก
ถัดจากตัวอำเภอ และสถานีตำรวจ ออกไป
ก็เป็นกระต๋อบเล็ก ๆ มุงจาก มุงแฝกเคียงขนานคู่กันอยู่
ทำให้เกิดความรู้สึกที่ขัดกันมาก
วัดอยู่เลยจากหมู่บ้านหย่อมนั้นออกไปเล็กน้อย
มีสภาพเหมือนวัดในแหล่งไกลชุมชนที่ไร้ความเจริญ
แม้จะเป็นวัดในอำเภอ
ถ้ามีพระภิกษุสงฆ์ผู้ใหญ่
ก็จัดอยู่ในชั้นเจ้าคณะอำเภอทีเดียว
แต่สภาพของวัดไม่อาจจะทำให้คิดเลยว่า
วัดนี้เป็นวัดเจ้าคณะอำเภอ
ข้าพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีหรือไม่มี ?
สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ คือ
"กุฎิพระ" ที่ใช้ไม้จริงทำเสา
แต่มีเสาหลายต้นที่ไม่เหมือนเสาต้นอื่น ๆ โดยทั่วไป
คือ เสาคดไปคดมาจนดูเป็นของแปลก
ที่จะหาดูที่อื่น ไม่ได้อีกแล้ว
รู้สึกทึ่งกับความสามารถ และความคิด ของผู้ออกแบบคนนี้
ร้านขายของชำ และร้านอาหารของอำเภอ
น่าจะมีเพียงแค่สองร้านเท่านั้น
แต่ก็สามารถมีของที่เราต้องการได้ครบถ้วน
แม้ก๋วยจั๊บก็ยังมีให้กินอีกด้วย รสชาติไม่เลวอีกด้วย
วันนี้เป็นวันอาทิตย์
โรงเรียนด่านแม่แฉลบจึงดูว่าง และเงียบเหงา
คงมีแต่ครูเท่านั้นที่ยังทำงานและอยู่ที่โรงเรียน
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว
ข้าพเจ้าเดินเตร่ไปดูประกาศเก่า ๆ
ที่ติดอยู่บนกระดานข้าง ๆ โรงเรียน
แผ่นแรกเป็นรายชื่อ ผู้มีอายุครบต้องทำบัตรประชาชน
มีผู้เข้าเกณฑ์ทำบัตรประชาชน
ปีนี้ มี เพียง ๒๕ คนเท่านั้น
ถัดออกไปอีกกระดานหนึ่ง
เป็นหมายประกาศแนะนำ
และตักเตือนให้ประชาชนปฏิบัติ
อาทิเช่น เมื่อเวลาเห็นคนแปลกหน้า
เดินเป็นกลุ่มเข้ามา
ในขณะเลี้ยงวัวเลี้ยงควายอยู่ในทุ่งหรือในป่า
ควรปฏิบัติการอย่างไรบ้าง
และข้อแนะนำข้อหนึ่ง
ที่ข้าพเจ้าจำได้แม่นยำ ว่า
“ทุกบ้านควรเลี้ยงสุนัขไว้มาก ๆ”
เมื่ออ่านดูแล้ว เหมือนเป็นการออกคำสั่ง
หรือ ให้ข้อแนะนำที่เป็นธรรมดา ๆ
อันแสนจะเชย
แต่ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว
จะเห็นได้ว่าเป็นการแนะนำที่ถูกต้องและดีที่สุด
เหมาะสมที่สุด
กับสภาพบ้านเมืองและพื้นที่เช่นนั้น
เส้นทางจากเขื่อนศรีนครินทร์(เขื่อนเจ้าเณร) สู่ บ้านหม่องปะพรานเฒ่า แห่งเวียงสละ ห้วยขาแข้ง


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น