ตอน : ล่องใต้ไปขุดที่ นครศรีธรรมราช
๑๑ - ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๕
(๑) กรุงเทพฯ - ระนอง
ลงจาก เขาพระวิหาร ได้ ๑ อาทิตย์
มีงาน ขุดค้น ทางโบราณคดี ที่ จังหวัด นครศรีธรรมราช
วันศุกร์ ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๕
เดินทาง ไปปักษ์ใต้ โดย รถแลนด์โรเวอร์
มีอาจารย์ ผู้ควบคุม คือ อาจารย์พิสิฐ เจริญวงศ์
(โบราณคดี รุ่น ๗ )
ผู้ร่วมงาน ในฐานะ ที่ปรึกษา คือ อาจารย์มหาจีรเดช ( ขุนเดช)
นักศึกษา ชาย ๕ หญิง ๓ ดังนี้ คือ
นาย มณฑล (ตึ๊ง) ทิพยทัศน์ (โบราณคดี รุ่น ๑๔ )
นาย เรวัต
นาย พรชัย (ปื๊ด) สุดลาภา (โบราณคดี รุ่น ๑๕ )
นาย วัชรินทร์ (ต๋อย) พุ่มพงษ์แพทย์ (โบราณคดี รุ่น ๑๓)
น.ส. มยุรี (ติ๋ว,หัวหิน) สมุทรสาคร (วีระประเสริฐ)
น.ส. บุหลง ศรีกนก (โบราณคดี รุ่น ๑๕)
น.ส. ลักขณา จรูญวิทย์ ( โบราณคดี รุ่น ๑๕ )
และ นายเจริญ พขร.
ฤกษ์ เดินทาง เช้าวันนี้
ชุ่มช่ำไปด้วยฝน ที่เทกระหน่ำ ลงมา อย่างหนักหน่วง
ข้าพเจ้า เห็นเค้า ตั้งแต่ ออกจาก บ้านมาแล้ว
"เรวัต" ย้ายหอ ไปอยู่ บางขุนเทียน หลายวันแล้ว ยังเทียว ไปเทียวมา ขนรองเท้าที่หอเก่าอยู่เรื่อย ๆ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน
"พรศิลป์ รัตนเดช" (โบราณคดี รุ่น ๑๗)
กำลังฉันมื้อเช้าอยู่ในห้องอย่างสงบ ตอนเราแวะเข้าไปหา
แต่พรศิลป์ไม่ได้ไปด้วย
พวกเราออกเดินทางจากคณะโบราณคดี
เมื่อฝนซาเม็ดลงแล้ว ตอนนั้นประมาณ ๘ น.
รถขาออกบนสะพานพุทธ ค่อนข้างจะว่างโดยตลอด
แต่รถขาเข้าค่อนข้างจะติดขัด
ถึงขนาดคนโดยสาร
ต้องลงเดินกันเป็นขบวนยาวเหยียดตั้งแต่วงเวียนใหญ่
ผู้ที่ใช้เส้นทางนั้นสัญจรไปมากล่าวกันว่า
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปรกติ
การจราจรบนเส้นนี้ ขาเข้าใช้เส้นทาง ๕ เลน แล้ว
ก็ยังไม่วายติดขัดอยู่เหมือนเดิม
รถไม่ได้แวะที่ไหนเลย ตรงไปถึง อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ
จึงจอดแวะกินอาหารกลางวันที่นั่น เมื่อเวลาประมาณ ๑๒ น.
ค่าอาหารมื้อนี้ ๑๑๓ บาท
นับว่าไม่แพงจนเกินไปสำหรับคนรวย ๆ
แต่ก็เลือดตากระเด็นสำหรับคนจน ๆ
อย่างไรก็ตาม เหตุที่แพง
คงเป็นเพราะร้านนี้ตั้งอยู่ในทำเล
ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศมาก
เศรษฐกิจในย่านนี้ ดี
จึงไม่มีปัญหาที่ว่า ทำไมอาหารจึงแพง
ตอนนั่งกินข้าวนั้น มีขอทานจีนคนหนึ่ง
มาส่งภาษาจีนขอทาน
ซึ่งพวกเราก็ไม่รู้เรื่องเลย
เพราะแกแต่งตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา
ไม่แสดงทีท่าว่าจะเป็นขอทานเลย
รู้แต่กระป๋องที่ถือเท่านั้น
ในกระเป๋าเสื้อ ข้าพเจ้าเชื่อว่า ต้องมีเงินไม่น้อย
ฉันให้สตางค์ไป ๕๐ สตางค์
ท่าทางแกไม่พอใจ
จะเอาให้ได้ทั้งหมดทุกคนเป็นรายตัว....
ที่โต๊ะข้าง ๆ มีนายทหารและนายตำรวจหลายนาย
นั่งกินอาหาร ดูกระชับเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ผกค.คงแพ้แน่
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ได้ตลอด
และไม่มีความเห็นแก่ตัวจนเกินไป
ถึงจังหวัดชุมพร เมื่อเวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น.
ตัดสินใจไปนอนที่ จังหวัดระนอง ทันที
เพราะเหลือเวลาอีก ๒ ชั่วโมง ก็จะถึง
และไม่มืดจนเกินไปนัก
ทางช่วงนี้ขึ้นเขา เส้นทางวกวนอยู่ไปมา วิวสวย
แต่พวกเราไปถึงค่ำไปหน่อย
จึงถ่ายรูปกันไม่ได้ น่าเสียดายยิ่งนัก
เรานั่งมองถนนที่วกวนอยู่บนเขา
ขึ้นบ้างลงบ้างจนน่าเวียนหัว
ด้านหนึ่งเป็นผนังเขาที่ตัดลงมาทำเป็นถนน
ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นลาดเขาสูงชัน
มองเห็นป่าไม้หนาทึบอยู่เบื้องล่าง
บางทีก็มีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่าน
ซอกซอนออกมาจากแนวป่านั้น
พรรณไม้ออกดอกใบชูสะพรั่งด้วยสีสันอันวิจิตตระการตา
บ้างก็แดงทั้งต้น ขาวทั้งต้น ครีมทั้งต้น น้ำตาลทั้งต้น จิปาถะ
ทั้งดอกก็สวย
บนเส้นทางสายนี้ เมื่อดูไปก็มิได้ผิดอะไรกับ
เส้นทางสาย ลำปาง - พะเยา เลย ดูคล้ายกันมาก
การเดินทางดูเหมือนค่อนข้างจะเร่งรีบ
มิรู้ว่าด้วยเหตุประการใดแน่
อาจจะเป็นการเร่งรัดในการเดินทางให้เร็วเข้า
หรือไม่ก็เกรง ผกค.
ทำให้เราไปถึงโรงแรมที่จังหวัดระนอง เมื่อเวลา ๑๗.๕๐ น.
ซึ่งนับว่าเร็วทีเดียว
โรงแรมเอเชีย
ดูจะเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในละแวกตลาด
พวกเราเข้าไปพัก ห้องเตียงคู่ ๓ ห้อง
แยกย้ายกันเข้าห้องล้างหน้าล้างตากันพอสังเขป
แล้วออกมากินอาหารเย็นร่วมกัน
เหมือนอย่างเคยต้องมีน้ำอมฤต บนโต๊ะด้วยเสมอ
แต่ก็ไม่ได้ดื่มกันทั้งหมด
อิ่มอาหารเย็นแล้วกลับไปพักที่โรงแรม
ก่อนแยกย้ายกันเข้าห้อง
ข้าพเจ้าคุยกับบุหลงเล็กน้อย เรื่อง
การปฏิบัติตัวให้เข้ากับอาจารย์ทั้งหลายในคณะโบราณคดี
อย่างผู้เป็นลูกศิษย์พึงมีต่ออาจารย์
ซึ่ง "บุหลง" ก็เห็นด้วยกับวิธีการของข้าพเจ้า
ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจมาก
ที่อย่างน้อยก็ยังมีคนอย่างบุหลงอีกคน
ที่อาจจะเข้าใจข้าพเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น