ความเจริญของวัตถุ
ประกอบขึ้นมาแล้วด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ.
ดิน คือ ฝุ่นละอองที่ล่องลอย
หรือหมักหมมทับถมกันอยู่บนพื้นโลก อันกว้างใหญ่ไพศาล
เกิดจากการแบ่งย่อยจากเศษหิน ดินทราย
น้ำ คือ สสารเหลวชนิดหนึ่ง
ที่ไหลถ่ายเทไปมาได้ในที่สูง ที่ต่ำ
ระดับน้ำจะเท่ากันในพื้นที่ราบเดียวกัน
ลม คือ ลักษณะของการไหลถ่ายเทของอากาศ
จากที่มีความกดอากาศสูง
ไปยังที่ที่มีความกดอากาศต่ำ
หรือ สิ่งที่กระทบต้องตัวเราอยู่ทุกวี่วัน
นั้นแหละ คือ ลม
ไฟ คือ ความเร่าร้อน
ความร้อนทุกอย่างเกิดมาจากไฟทั้งสิ้น
เพียงแต่ว่า ไฟนั้นจะเป็นไฟอะไร เท่านั้น
ความจริงไฟก็มีกำเนิดมาจากจุดเดียวกัน
ผิดกันตรงที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ
หรือ การกระทำของมนุษย์
หรือ เกิดจากแรงในใจ คือ
สันดานของมนุษย์
แม้ว่าไฟ จะมีความเร่าร้อนสักปานใดก็ตาม
ในบางกรณี
ไฟก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้
ใช่ว่าจะร้ายเสียเสมอไป เช่น ไฟฟ้า เป็นต้น
เมื่อจะใช้ประโยชน์ ก็เปิด
เมื่อไม่ใช้ประโยชน์ ก็ปิด
ส่วนไฟที่อยู่ในตัวของมนุษย์ คือ ไฟราคะ นั้น
ไม่ต้องไปเสาะแสวงหา
หรือ คิดสร้างมันขึ้นมา
เพราะมันสร้างขึ้นด้วยตัวของมันเอง
ก่อขึ้นมาเองได้แบบอัตโนมัติ
ไฟชนิดนี้ ดับได้ยากมาก
ความจริง ไฟราคะ
ก็ไม่ได้จะร้อนรุ่มอะไรมากนัก
มันเป็นธาตุไฟที่อยู่ในตัวมาตั้งแต่กำเนิด
เราไม่ค่อยรู้สึกว่า มันเป็นไฟ
แต่เป็นไฟชนิดไฟฟ้าแรงสูงเสียด้วย
การที่เราไม่รู้ว่า
ไฟในตัวเป็นไฟฟ้าแรงสูง
ทำให้เราเพิกเฉย
ปล่อยให้มันคุกรุ่นอยู่อย่างนั้นเอง
ตลอดไปอย่างไม่มีวันดับ
และ รอเวลาไปจนกว่ามันจะดับเองไป
ตามกาลเวลา
เหตุที่เราไม่รู้ว่า มันเป็นไฟ
ก็เพราะมันไม่ร้อน
มันจะแสดงความร้อนก็ต่อเมื่อ
เราแสดงความอยาก
เมื่อเราหาสิ่งที่อยากมาเติมให้แล้ว
ก็เหมือนเราเติมเชื้อฟืนให้กับไฟราคะ
มันจึงเพิ่มความอยากขึ้นมาอีก
และเพิ่มไปเรื่อย ๆ
ไม่มีวันหยุดหย่อน
วันนี้อยากอย่างเดียว พรุ่งนี้ก็อยากอีก
วันต่อ ๆ ไปก็ยังคงอยากอีก
และเมื่ออยากขึ้นมาแล้ว ต้องได้
ถ้าไม่ได้ ก็มักก็จะแสดงผล
ที่รุนแรงและร้ายกาจมาก
ด้วยการ แตกสาขา
ออกมาเที่ยวรังควาญจิตใจ
ของเจ้าหุ่นกระบอกที่มันเชิดอยู่
คือ เรือนกายของมนุษย์
บังคับให้กระทำอะไรก็ได้
ที่จะตอบสนองความอยากของมัน
สาขาของไฟ ก็คือ ตัวกิเลสต่าง ๆ นั่นเอง
ตัวกิเลส คือ ไฟราคะ
หรือ ความอยากที่สะสมกันมานาน
เกิดเป็น โมหะ โทสะ โกรธะ และ โลภะ
สิ่งที่เกิดขึ้นสี่ตัว นี้
มีความสัตย์ซื่อมาก ในการปฏิบัติหน้าที่
อย่างไม่มีการบิดพลิ้ว หรือ เกี่ยงงอน มั
นจะทำหน้าที่หาเชื้อฟืนมาเติมไฟ
ให้สมบูรณ์อย่างที่สุด
ไม่ว่า เจ้ากายหุ่นกระบอกที่มันเชิด
จะหัวหกก้นขวิดอย่างไรก็ตาม
บางทีมันจะทำอย่างชนิดไม่ไว้หน้าไว้ตา
แม้เจ้าหุ่นตัวที่มันเชิด
จะทำหน้าที่เป็น
เจ้านายผู้สูงศักดิ์ ขุนนางผู้สูงส่ง เศรษฐีผู้มั่งคั่ง
หรือแม้กระทั่ง ยาจกที่ยากจน
ก็ไม่มีการยกเว้น.
๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น