พอเริ่มต้นจะเขียนก็ลืมเสียแล้ว
เสาร์ ๑ มกราคม ๒๕๑๕ แรม ๑ ค่ำ
พอเริ่มต้นจะเขียนก็ลืมเสียแล้ว
เพราะวันนี้ (วันที่เขียน) เป็นวันอังคารที่ ๔ เข้าไปแล้ว
ตอนบ่ายข้ามไปซื้อ ส.ค.ส.มาส่งให้เพื่อนฝูงบ้าง
ฉันแวะไปที่คณะโบราณคดี ก่อน
ซึ่งไม่รู้ว่าไปเพราะอะไรแน่
มันเหมือนกับมีแม่เหล็กดึงดูด
ฉะนั้น ทุกครั้งที่ข้ามฟาก ต้องแวะไปที่คณะเสมอ
ไม่ตอนขาไป ก็ตอนขากลับ
และหลาย ๆ คนก็เป็นเช่นเดียวกัน
เมื่อเข้าไปเห็น มีคนสองสามคน
นั่งคุยกันอยู่ตรงห้องสหกรณ์
และ อีกพวกหนึ่ง ๔-๕ คน นั่งเล่นไพ่อยู่ตรงหน้าห้องกีฬา
ได้เสียกันหนัก ๆ ดีเหมือนกัน
สมศักดิ์ ธารารัตนกุล (เจ้ายักษ์) โบราณคดี รุ่นที่ ๑๕
เห็นเข้า รีบชวนเล่นหมากรุกเชียว
แต่ฉันก็ปฏิเสธไป เพราะกะไว้ว่า จะซื้อ ส.ค.ส.
แล้วเลยไปไหว้อาจารย์ แสง มนวิทูร
เสียหน่อยก่อนจะกลับบ้าน
ฉันเลือกซื้อ ส.ค.ส. ได้ ๓ ใบ แล้ว
ซื้อดอกไม้พวงมาลัย ๔ บาท ๑ พวง
ไปไหว้อาจารย์แสง ที่บ้าน
ตลอดระยะทางคิดก่ำกึ่งว่า จะเจอหรือไม่เจอ
และก็โชคดี
ที่พบอาจารย์อยู่บ้านพอดี
อาจารย์เพิ่งกลับมาเหมือนกัน
พอกลับมาถึงผลัดผ้าเสร็จ
ก็ป้อนข้าว นกเขา ทันที
ด้วยความสงสารว่า มันหากินเองไม่ได้
อาจารย์เรียกมันว่า เป็น
“โรคสอยดาว” คือ มันแหงนอยู่ตลอดเวลา นั่นเอง
ดู ๆ อาจารย์ก็มีความพยายามมากอยู่เหมือนกัน
ที่ทนป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่เกือบปี
และเจ้านกเขาก็เช่นเดียวกัน
ทนวายร้าย เป็นถึงขนาดนั้น ยังไม่ตาย
แถมยังขันได้เสียอีกด้วย
ฉันนั่งสนทนากับอาจารย์อยู่นานพอสมควร
หมู่นี้ อาจารย์บ่น
เรื่อง เพื่อนตายให้ฟังอยู่เรื่อย ๆ เสมอ
ทั้ง ๆ ที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังแล้ว
คล้ายกับทบทวน ว่า “อนิจจํ ไม่เที่ยงหนอ" ฉะนั้น
บริเวณบ้านที่ ศาสตราจารย์ ร.ต.ท.แสง มนวิทูร เช่าอยู่
หลัง พช.โรงเรือ พระราชพิธี จนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
บ้านแบบนี้ ที่ ศาสตราจารย์ ร.ต.ท. แสง มนวิทูร เช่าอยู่หลัง พช.โรงเรือพระราชพิธี คลองบางกอกน้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น