ขึ้นเมืองเหนือ ครั้งแรกในชีวิต
ตอนที่๑ : จาก กรุงเทพฯ - เชียงใหม่
เมื่อใกล้จะสิ้น ปี พ.ศ.๒๕๑๐ มีวันหยุดยาว
เพราะเป็นช่วงเวลา การแข่งกีฬาแหลมทอง 1967 (พ.ศ. ๒๕๑๐) หรือ การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ ๔
และ ถือเป็นการแข่งขันกีฬาแหลมทอง (ซีเกมส์) ครั้งที่ ๒
ของประเทศไทย
โดยมีกรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขัน
ตั้งแต่ ๙ ถึง ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๐
นายมงคล สำราญสุข ( พี่ตุ๊ ) เป็นกรรมการฝ่ายทัศนศึกษา
จัดให้มีการทัศนะศึกษาไปภูกระดึง ราคา ๑๕๐ บาท
และพยายามมาชักชวนให้ข้าพเจ้าลงชื่อไปเที่ยวด้วย
โดยยินดีให้ผ่อนได้
ข้าพเจ้าตัดสินใจไปกับการท่องเที่ยวครั้งนี้แล้ว
แต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน
พอดี พี่สุจิตต์ วงษ์เทศ
หัวหน้าชุมนุมศึกษาวัฒนธรรม-โบราณคดี
มาชวนไปทัศนศึกษาภาคเหนือ
ข้าพเจ้าเองก็ลังเล
เพราะไม่มีเงิน และตกลงกับพี่ตุ๊ มงคล ไว้
พี่สุจิตต์ ก็พูดเป็นเหมือนกับบังคับให้ตัดสินใจ ว่า
"กูไม่ได้ถามว่า มีเงินหรือไม่มี..กูถามว่า มึงจะไปหรือไม่ไป ถ้ามึงอยากไป ก็ไป"...
(เห็นภาพ ลีลา พี่สุจิตต์ ชัดเจนไหม ?..อิ อิ )
ออกเดินทางเย็นวันนี้ ( วันพฤหัสบดีที่ ๗ ธันวาคมพ.ศ.๒๕๑๐ ) เจอกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เวลา ๑๘ น.
ข้าพเจ้าเก็บหนังสือกลับบ้าน
เมื่อถึงบ้าน ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า
รีบปอกมะพร้าวที่พันหลักไว้ หลายสิบลูก
แม่เห็นก็แปลกใจ ว่า
เกิดอะไรขึ้น ถึงกลับมาทำความดีที่บ้านเช่นนี้
ซักถามได้ความว่า
จะไปเที่ยวต่างจังหวัด นี้เอง
สรุป ว่า จะไปก็ไป แต่แม่มีเงินไม่มากพอ
จึงให้ไปเท่าที่จะจัดสรรได้ ๑๕๐ บาท
ใกล้เวลาเดินทางก็นั่งรถเมล์ไปหัวลำโพง
เจอกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน จำนวน ๑๒ คน
ข้าพเจ้าไม่รู้ ว่า จะต้องใช้เงินอย่างไร
เพราะการเดินทางในครั้งนี้
ดูเหมือนพี่สุจิตต์ จะเป็นเจ้าภาพจ่ายให้ทั้งค่าเดินทางและอาหารการกิน
ที่ไม่ใช่อาหารพิเศษอื่น ๆ เฉพาะตัว
อาจเป็นเพราะวันหยุดยาว
ทำให้รถไฟแน่นหมดทุกขบวน
โชคดี ที่คณะเราเดินทางไปถึงก่อน
และรีบจับจองที่นั่งกันไว้ตั้งแต่
รถไฟขบวน กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ชั้น ๓ เข้าเทียบชานชาลา
เพื่อน ๆ รุ่นเดียวที่ไปด้วยในครั้งนั้น มี
ข้าพเจ้า, พิเศษ สังขสุวรรณ (ต้า),
มาลี โตสกุล (แป๊ว),บุปผา เจริญทรัพย์ (แอ๊ด)
รถไฟไปถึงสถานีพิษณุโลก สถานีสุดท้าย
เมื่อเวลาประมาณ ๐๕.๓๐ น.
คณะเราต้องลงที่สถานีพิษณุโลกก่อน
เพื่อต่อรถไฟอีก คือ ขบวน พิษณุโลก - เชียงใหม่
รถไฟออกจากสถานี เมื่อเวลา ๐๖.๓๐ น.
วิ่งหวานเย็น ดู วิวทิวทัศน์ สองข้างทาง
ที่เป็นป่าเขา ลำเนาไพร เหวลึก
บางทีก็วิ่งเลียบชายเขา
ผ่านหมู่บ้านและชานชาลาหลายแห่ง
ผ่านแก่งหลวงสวยงาม เกิดจินตนาการไปว่า
หากป่าดงพงไพรที่ผ่าน ๆ มา
ยังเป็นป่าดงทึบตามธรรมชาติ
คงจะมีสัตว์ป่า นานาชนิดออกมาเดิน
หรือลงมากินน้ำให้เห็นบ้าง
ครั้นพอเย็นลงใกล้ตะวันจะตกดิน ออกจะเริ่มคิดถึงบ้าน
ข้าพเจ้ากับพิเศษ จึงพากันเดินไปเรื่อย ๆ
จนถึงท้ายขบวน และนั่งดูวิวกันอยู่ที่บันได
ถึงแม้รถไฟจะกระโชกกระชากเป็นบางครั้ง
แต่ "พิเศษ" เพื่อนเราก็ยังหลับอยู่ตรงบันไดได้เหมือนกัน
เห็นแล้วหวาดเสียวแทน
รถไฟเข้าสถานีเชียงใหม่ ใกล้มืดแล้ว
อาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม กับ
พี่พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ (พี่เหลือง)
มารอรับอยู่ที่สถานี แล้วพานั่งรถไปที่พักในค่ายชัยยะ (หน่วยรบพิเศษของตำรวจ)
อาบน้ำเสร็จกันเรียบร้อยแล้ว
พาขึ้นรถไปรับประทานอาหารค่ำ ที่
บ้านพักรุ่นพี่คนหนึ่ง ในโรงพยาบาล สวนปรุง
ชื่อ "พี่นันทนา บูรพา(ปกป้อง)" จบจากคณะโบราณคดีแล้ว
ไปเป็นอาจารย์สอนอยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สามี ทำงานพัฒนาชาวเขาอยู่บนดอย
กินข้าวคุยกันสนุกสนาน จนดึก
จึงกลับเข้าค่ายชัยยะ
เป็นครั้งแรก ที่ได้รับการสนับสนุนจาก
พี่สุจิตต์ วงษ์เทศ กับ พี่ขรรค์ชัย บุนปาน
ให้เขียนหนังสือ โดยจะหาที่ลงให้
ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่มีคนจะสนับสนุน
เพราะสมัยอยู่มัธยม ที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร
ก็เขียน บทความ หรือ คำประพันธ์ สั้น ๆ
ไปลงหนังสือ นิตยสาร “ชัยพฤกษ์” บ้าง
น่าเสียดายว่า จำ ไม่ได้แล้วว่า
เขียนไว้ว่าอย่างใด แต่ดูเหมือนจะได้ค่าเขียน
ครั้งละ ๒๕ บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น