Best Thai History

Amps

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ประวัติ วัดราชบูรณะ พระพิมพ์ ต้นยุครัตนโกสินทร์ และ ที่มาของคำว่า พระสังฆราช

 สมเด็จพระสังฆราช มี 

สมเด็จพระสังฆราช มี 
พา พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าชาย  "ตัน"
หลบภัย ศึกพม่า ๒๓๑๐
สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ 
เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ (ตัน) 
พระโอรส องค์โต 
ในพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์(แก้ว)
หลังจากหนีภัยสงคราม กรุงแตก ๒๓๑๐) 
ออกมาได้แล้ว 
ตามประวัติราชวงศ์ กล่าวว่า 
บวชเป็นเณร (พระชันษา ๘ พรรษา) ตามพระอาจารย์ไป
พระอาจารย์ รูปนั้น คือ "พระอาจารย์ มี"
หรือ “พระศรีสมโพธิ์ราชครู” 
ตามแผ่นจารึกทองแดง ที่เขียนว่า 
 "สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ราชครู กับ นายทองด้วงมหาดเล็ก"
พร้อมกับ พระพิมพ์จำนวนหนึ่ง มี ๒ พิมพ์ คือ
พระพิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อชินเงิน,
พระพิมพ์ดินเผาผสมผง ทรงแบบพระรอด 
หรือ เรียกอีกชื่อว่า “พระรอดเมืองใต้” 
แต่รวมเรียกพระพิมพ์ทั้งสองแบบนี้เป็นสามัญ ว่า 
“พระขรัวอีโต้” 
หลักฐานทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น 
พบในกรุ เจดีย์มอญ ที่ถูกรื้อทิ้งไปแล้ว
หลังจากสถาปนาราชวงศ์ใหม่ และ สร้างกรุงเทพมหานครแล้ว
"พระอาจารย์ มี" 
จำพรรษาอยู่ที่ "วัดเลียบ"
ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้กับนิวาสสถาน ของ 
สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ (ตัน)  
และเป็นที่สถิตอยู่ของ "พระอาจารย์ มี" ของพระองค์ 
พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้า"ตัน" 
จึงได้ทรงมีพระราชศรัทธา เข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์ ”วัดเลียบ”  
และยกจากวัดราษฎร์
ขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช  ๒๓๓๖ 
ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 
ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ๋  
พระอาจารย์ มี หรือ “พระศรีสมโพธิ์ราชครู” องค์นี้
ขึ้นเป็นพระราชาคณะที่ “พระวินัยรักขิต” 
ซึ่งเทียบเท่า "พระอุบาลี" แต่เดิม 
ที่ต้องเปลี่ยนเพราะเห็นว่าสมณศักดิ์นี้ ไปพ้องกับ "พระอุบาลี"
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๓๗ ( ปีที่ ๑๓ ในรัชกาลที่ ๑) 
ทรงได้รับพระกรุณาธิคุณเลื่อนสมณศักดิ์ให้สูงขึ้น
ในระดับพระราชาคณะเจ้าคณะรองที่ “พระพิมลธรรม"
ใน ปีฉลูสัปตศก จุลศักราช  ๑๑๖๗ 
( พ.ศ. ๒๓๔๘ ปีที่ ๒๔ ในรัชกาลที่ ๑ ) 
สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ (ตัน) 
ประชวรสิ้นพระชนม์ สิริพระชันษาได้ ๔๗ ปี 
การสร้างวัดราชบูรณะ อาจจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ดี 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑ 
จึงได้โปรดฯ ให้สร้างต่อ และพระราชทานนามว่า 
"วัดราชบุรณราชวรวิหาร"
ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ 
ให้เลื่อนสมณศักดิ์พระพิมลธรรม (มี) วัดราชบูรณะ 
ขึ้นเป็น "สมเด็จพระราชาคณะ"ที่ "สมเด็จพระพนรัตน (มี)" 
และในปี พ.ศ.๒๓๕๙  (ปีที่ ๘ ในรัชกาลที่ ๒ ) 
สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) 
ได้สิ้นพระชนม์ ลง 
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา 
"พระพิมลธรรม (มี) เป็น
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 
ในราชทินนามที่ “สมเด็จพระอริยวงษญาณ (มี)” สถิตอยู่ "วัดมหาธาตุ"
ในปีเถาะ จ.ศ.๑๑๘๑
( พ.ศ.๒๓๖๒ ปีที่ ๑๑ ในรัชกาลที่ ๒ ) 
จดหมายเหตุโหร บันทึกไว้ ว่า 
วันเสาร์ แรม ๑ ค่ำ มีจันทรุปราคาอัฒคราธ,
วันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๐ (ตุลาคม) เวลา ๓ ยาม  
"พระสังฆราช วัดราชบุรณะนิพพาน"
พระสังฆราชพระองค์ นี้ เป็น องค์เดียวกับ
สมเด็จพระอริยวงษญาณ (มี)” สถิตอยู่ "วัดมหาธาตุ"
แต่คนทั่วไป รวมทั้งในจดหมายเหตุโหร เรียกพระองค์ ว่า
พระสังฆราช วัดราชบูรณะ



พระพิมลธรรม “มี”วัดราชบูรณะ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในราชทินนามที่ “สมเด็จพระอริยวงษญาณ (มี)” สถิตอยู่วัดมหาธาตุ



พระพิมพ์ดินเผาผสมผง ทรงแบบพระรอด หรือ เรียกอีกชื่อว่า “พระรอดเมืองใต้” หรือ "พระขวัวอีโต้" วัดราชบูรณะ กทม.


พระพิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อชินเงิน หรือ "พระขรัวอีโต้" วัดราชบูรณะ กทม.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น