"บันทึกหลังเที่ยว ย่างกุ้ง,หงสาวดี,พุกาม"
๑๖ - ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๖
ตอน : เจติยวิหารสุลามณี ( Sulamani Temple )
เจติยวิหารสุดท้ายที่น่าจะเข้าดูได้ทันในวันนี้ (17.16 น.) คือ
เจติยวิหารสุลามณี ( Sulamani Temple )หรือ เจติยวิหารจุฬามณี
เพราะอยู่ไม่ห่างไกลจากวัดธรรมยางยี มากนัก
ระยะทางประมาณ ๑.๕ กม.
เจติยวิหารจุฬามณี (สุลามณี)
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองพุกาม
ตามประวัติวิหารจุฬามณี กล่าวว่า
สร้างโดยพระเจ้านรปติสิทธู (โอรสพระเจ้านรถู) เมื่อ พ.ศ.๑๗๐๖
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อตอนที่ท่านกำลังเสด็จไปไหว้พระธาตุเจดีย์
ที่บนเขา “ตูรินตวง” (Turintaung ) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ที่สร้างโดยพระเจ้าอนิรุทธ์
พระองค์ทอดพระเนตรเห็น
ลำแสงสะท้อนขึ้นมาจากพื้นดินตรงที่ตั้งของวัด
จึงให้ทหารค้นหาที่มาของลำแสง
พบว่า มาจากทับทิม อัญมณีเม็ดเล็ก ๆ
พระองค์เห็นเป็นอัศจรรย์ ว่า คงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
มีเทวดาดลใจให้พระองค์เห็นลำแสงนี้
จึงให้สร้างวิหารบนตำแหน่งที่พบทับทิมแห่งนี้
สอดคล้องกับ ชื่อวัดที่แปลความจากชื่อว่า
“สุลา” มาจาก “สุเล”ในภาษาบาลีแปลว่า “จุล” หมายถึง “เล็ก”,
“มณี” หมายถึง “แก้ว”
รวมแล้ว แปลว่า “ดวงแก้วเล็ก”
มีเรื่องเล่าต่อว่า
พระองค์ให้เตรียมพื้นที่ในการก่อสร้าง
โดยใช้ช้างเหยียบย่ำบริเวณที่ตั้งวิหาร
เพื่อปรับพื้นดินให้แน่น
เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้กัลปนา
เกณฑ์หมู่บ้านรอบ ๆ "จ๊อกเซมา"
คอยดูแลส่งเสบียงให้ พระหรือผู้มาใช้ เจติยวิหาร แห่งนี้
ข้อความการกัลปนาดังกล่าวข้างต้น
ปรากฎอยู่บนจารึกที่ตั้งอยู่ทางมุขด้านทิศเหนือ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจหมายถึง
จุฬามณีเจดีย์ (บาลี: จุฬามณิเจติย)
อันเป็นเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ที่บรรจุพระจุฬาพระโมลีและพระเขี้ยวแก้วของพระโคตมพุทธเจ้า
ก็ได้เช่นเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น