"หลวงพ่อสังวาลมงคล" วัดท่าตอ
อ.มหาราช จ.อยุธยา
"วัดท่าตอ" ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองบางแก้ว
หรือ แม่น้ำเจ้าพระยา(เก่า)
สร้างขึ้นในช่วง ปลายกรุงศรีอยุธยา
โดยยังปรากฏหลักฐาน
เจดีย์ทรงปรางค์ ทรงสูงชะลูด
สมัยอยุธยาตอนปลาย องค์หนึ่ง
กับ พระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัย
ศิลปะยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
ขนาด หน้าตัก กว้าง ๑.๖๕ เมตร องค์หนึ่ง
ตามประวัติ กล่าวว่า
เมื่อประมาณ ปี ๒๓๗๐ (ปีที่ ๔ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ )
พระพุทธรูปองค์นี้ ...."ลอยน้ำ" มา
เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์
จะใช้แรงลากจูงอย่างเดียวไม่เป็นผล
จึงนิมนต์พระสงฆ์จุดธูปอัญเชิญ
ขึ้นจากคลองบางแก้ว ได้อย่างง่ายดาย
ช่วงแรกประดิษฐานไว้บนดิน ที่ท่าน้ำหน้าวัด
เนื่องจากไม่สามารถที่จะขยับเข้าไปในพระอุโบสถได้
ต่อมา จึงสร้าง ศาลาเล็กๆคลุมกันแดดกันฝน ไว้
ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อศาลาดิน” บ้าง “หลวงพ่อลอย” บ้าง
จากการพิจารณานำรูปแบบ ของ "หลวงพ่อสังวาลมงคล"
ไปเปรียบเทียบกับ
พระพุทธรูปทรงเครื่อง
โดยเฉพาะ องค์ที่เป็นพระประธาน
ในพระอุโบสถวัดนางนองวรวิหาร
ที่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้าง แล้ว
เห็นว่า เป็น "ทรงพระราชนิยม"
จึงสันนิษฐานในเบื้องต้น ว่า
"วัดท่าตอ" เป็นวัดที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย จริง
(หลักฐานจากเจดีย์ทรงปรางค์)
ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ ๓ (พ.ศ.๒๓๗๐)
มีการปฏิสังขรณ์ วัดท่าตอเก่า ขึ้นอีกครั้ง
พระพุทธรูปองค์นี้ (หลวงพ่อลอย)
อาจถูกอัญเชิญมา
เพื่อประดิษฐานเป็น "พระประธาน"ในพระอุโบสถ
ที่กำลังปฎิสังขรณ์ขึ้นใหม่
จึงนำพระพุทธรูปองค์นี้จากกรุงเทพฯ มา
และเนื่องจากการปฏิสังขรณ์วัดยังไม่เรียบร้อย
จึงนำไปพักไว้ชั่วคราวใกล้ศาลาท่าน้ำ ก่อน
แต่จะด้วยเหตุใดไม่ปรากฎ
จึงยังไม่ได้นำขึ้น ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
แต่ก็ได้สร้างหลังคาคลุมกันแดดกันฝนไว้ชั่วคราว เท่านั้น
"หลวงพ่อลอย" หรือ "หลวงพ่อศาลาดิน"
ต้องตกค้างเป็นที่สักการะบูชา
ปรากฎผล ดังคำปรารถนาของพุทธศาสนิกชน
มีชื่อเสียง อยู่ ณ ที่เดิม มาจนทุกวันนี้
ต่อมาได้สร้างศาลาถาวรขึ้นปกคลุม
แทนศาลาเก่าชั่วครววที่ชำรุดไปตามกาลเวลา
และได้รับการขนานนามใหม่ ว่า
“พระสังวาลมงคล”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น