ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา สู่สามโคก-ปทุมธานี
ตอน ๑ : การเกิดขึ้นของสังคม ลุ่มแม่น้ำ เจ้าพระยา ๑
ปฏิพัฒน์ พุ่มพงษ์แพทย์
แม่น้ำเจ้าพระยา แต่เดิมเป็นลำน้ำใหญ่
ที่เกิดจากการรวมตัวของลำน้ำ ปิง วัง ยม น่าน ที่ปากน้ำโพ
แล้วแตกสาขา ออกมาเป็น แม่น้ำใหญ่ กับแม่น้ำน้อย
ลงมาบรรจบกับลำน้ำลพบุรี ลำน้ำป่าสัก
ส่ายสลับกันไปมา
ทำให้เกิดลำน้ำสาขาขึ้นมากมายบนที่ราบลุ่มแม่น้ำแห่งนี้
เกิดเป็นพื้นที่ราบในแอ่งกะทะของอ่าวไทย
เรียกโดยรวมว่า “ดินดอนสามเหลี่ยมเจ้าพระยา” [Chao Phraya Delta]
ดินดอนสามเหลี่ยมหรือเดลต้า คือ
พื้นที่ราบลุ่มที่เกิดจากการทับถมของโคลนตะกอนที่แม่น้ำ
และลำน้ำพัดพาลงมาจากภูเขาและพื้นที่สูง
จึงเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยปุ๋ยธรรมชาติ
เหมาะกับการเพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร
เลี้ยงคนได้เป็นจำนวนมาก
และการมีลำน้ำและแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลได้
ทำให้มีการเคลื่อนไหวของผู้คนทั้งจากภายนอก และภายใน
เข้ามาตั้งหลักแหล่งที่อยู่อาศัยอย่างถาวร [Sedentary settlements]
และพัฒนาขึ้นเป็นบ้านเมือง
ทางเกษตรกรรมและการค้าขาย [Port polity]
เกิดขึ้น เป็นสังคมมนุษย์ ที่อาจเรียกได้ว่าเป็น
“สังคมลุ่มแม่น้ำ” [Riverine society]
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ
มักเป็นพื้นที่สูงที่เกิดจากการทับถมของโคลนตะกอน [Levee]
ในยามที่น้ำล้นฝั่งในฤดูน้ำ
เป็นที่เหมาะกับการสร้างบ้านเรือนและเรือกสวนเป็นแหล่งชุมชน
ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน [Villages] เมือง [Towns] และ นคร [Cities]
เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำลำคลอง
รูปแบบของการตั้งถิ่นฐานเป็นแบบแนวยาวไปตามลำน้ำ [Linear pattern]
ด้านหน้าของบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
รวมทั้งวัดวาอารามที่เป็นศาสนสถาน
ต่างก็หันหน้าลงแม่น้ำลำคลองที่เป็นเส้นทางคมนาคมทั้งสิ้น
ส่วนด้านหลังของชุมชนก็มักเป็นทุ่งโล่ง เป็นไร่นาสาโท
อันเป็นแหล่งที่ทำการเพาะปลูกพืชผลทางเกษตรกรรม
ความสำคัญที่โดดเด่นของสังคมลุ่มแม่น้ำ ก็คือ
เป็นสังคมที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
อันเนื่องมาจากการที่คนหลายเผ่าพันธุ์ หลายวัฒนธรรม
ทั้งที่เข้ามาจากภายนอกทางทะเล
และเคลื่อนย้ายจากพื้นที่ภายใน [Hinter land]
มาผสมปนเปกันอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้เกิดบูรณาการทางวัฒนธรรม
และการเมืองขึ้นเป็นสังคมที่เป็นรัฐและอาณาจักรในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น