Best Thai History

Amps

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564

การบูรณะ โบราณสถาน วัดขุนแสน อาจจะมีเจดีย์ องค์ใดองค์หนึ่ง ใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของพระยาเกียรติ พระยาราม ก็เป็นได้ ตอนที่ ๓

วัดขุนแสน (ตอนที่ ๓)

พ.ศ. ๒๔๘๔ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน 
วัดขุนแสน เป็นโบราณสถานของชาติตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา 
เล่ม ๕๘ ตอนที่ ๑๖ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๔
เนื่องจาก ความสลับซับซ้อนทางด้านตัวบทกฎหมาย กล่าวคือ 
ตัวโบราณสถานนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร 
ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕ 
ส่วนสถานที่ที่โบราณสถานตั้งอยู่นั้น 
อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการศาสนา 
ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕ 
และเพราะวัดขุนแสนเป็นวัดร้างที่มีกฏหมายควบคุมอยู่ ๒ ฉบับ 
มีหน่วยราชการดูแลรับผิดชอบ ๒ แห่ง 
ทำให้เกิดปัญหาในการบริหารและการจัดการหลายประการ 
จนพื้นที่วัดถูกจัดสรรให้เช่า 
เป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ขึ้นไปจนถึงบนเจดีย์ประธานองค์ใหญ่ 
และที่น่าสมเพชเวทนา ที่สุด คือ 
ได้ปล่อยให้มีการประกอบธุรกิจทางเพศ 
ในบริเวณนี้จนเป็นที่เลื่องลือกันโดยทั่วไป 
และถึงแม้ว่าธุรกิจทางเพศดังกล่าวจะเลิกลาไปนานแล้ว 
แต่ยังเป็นที่กล่าวถึงจนทุกวันนี้ 
จนกระทั้ง ใน ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ 
กรมศิลปากร โดยสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๓ ขณะนั้น ได้ทำการสำรวจศึกษาเพื่อออกแบบบูรณะ 
และได้ดำเนินการบูรณะแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๓๙ 
การบูรณะ ได้ย้ายบ้านเรือนราษฎรที่ปลูกทับโบราณสถานออก 
ทำให้ปรากฏรากฐานของสิ่งก่อสร้างสำคัญในวัดเพิ่มเติมขึ้น คือ 
วิหาร เจดีย์ขนาดย่อม อีก  ๕ องค์ 
ซึ่งอาจจะมีเจดีย์ องค์ใดองค์หนึ่ง 
ใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของพระยาเกียรติ พระยาราม ก็เป็นได้..
.เสียดายที่ ไม่ได้อยู่เป็นผู้ดำเนินการขุดแต่งเอง 
มิเช่นนั้น อาจมีเรื่องราวที่จะกล่าวมากกว่านี้ก็เป็นได้








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น