วัดขุนแสน (ตอนที่ ๒ ) ช่วงสมัยรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี )
ทรงมีพระอักษรไปถึง เซอร์จอนเบาริ่ง
เล่าให้ฟังว่า บรรพบุรุษของพระองค์เดิมเป็นชาวมอญ
ได้ติดตามสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเข้ามารับราชการในกรุงศรีอยุธยา
เมื่อตอนสมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสระภาพ
ท่านผู้นั้น คือ พระยาเกียรติ ได้เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ "วัดขุนแสน"
ลูกหลานคนหนึ่งของ พระยาเกียรติ
ได้แต่งงานกับ เจ้าแม่ดุสิต
ซึ่งเป็นพระนางที่มีตำแหน่งสูงในสำนักพระราชวัง
เจ้าแม่ดุสิตมีบุตร ๓ คน คือ
นายเหล็ก ผู้พี่ใหญ่
คนที่สองเป็นหญิง ชื่อ แช่ม ต่อมาเป็น ท้าวศรีสุดารักษ์
คนที่สาม ชื่อ นายปาน คือ คนที่สมเด็จพระนารายณ์ส่งไปเป็นทูต
ณ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ.๒๒๒๙
ต่อมา ลูกหลานคนหนึ่งของโกษาปาน
ได้รับราชการกับเจ้าพระยาพิษณุโลก
ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระอักษรสุนทรเสมียนตรา
พระอักษรเสมียนตรามีลูกหลานหลายคน
คนที่ ๔ เป็นชาย ซึ่งต่อมา
ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ซึ่งเป็นปู่ของพระองค์ท่าน”
ดังนั้น พระยาเกียรติ และ พระยาราม ทั้งสองท่าน
มีความสำคัญในฐานะพระบุพการี ของพระบรมราชจักรีวงศ์
จึงโปรดเกล้าฯ ให้ พระยาราชสงคราม เป็นแม่งาน
เพื่อบูรณะวัดขุนแสนในปลายรัชกาลของพระองค์
(ประกาศลำดับที่ ๓๑๙ ว่าด้วยปฏิสังขรณ์วัดขุนแสน)
...”พระมหาสถูปเจดีย์ ณ วัดขุนแสนเปนของสูงใหญ่
อยู่ใกล้พระราชวังจันทร์เกษมเปนที่ประทับ
พระมหาสถูปเจดีย์ นั้น ชำรุดทรุดโทรมมานาน
ทอดพระเนตรเนืองๆ ทรงรำคาญพระเนตร
แลทรงเสียดายของใหญ่ของเก่า
จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งพระยาราชสงคราม
จ้างลูกจ้างปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ให้เขื่องใหญ่กว่าเก่า
มั่นคงถาวรสืบไปในภายหน้า
แลให้ปฏิสังขรณ์พระวิหารหลวงสำหรับพระเจดีย์ แลกำแพงล้อม
แลขุดคูล้อมถมดินให้ดอนด้วย
ค่าจ้างเท่าใดจะทรงบริจาคเปนพระพุทธบูชา”
“....ถ้าราษฎรนับถือพระมหาสถูปเจดีย์วัดขุนแสนมาก
ก็ทรงพระโสมนัสยินดีด้วย
โปรดพระราชทานช่องโอกาสแก่ราษฎรให้บำเพ็ญเปนพระพุทธบูชา
ช่วยในการพระราชกุศลปฏิสังขรณ์ ตามแต่ศรัทธาอุสาหเถิด
ในวันอังคารเดือนอ้าย ขึ้น ๓ ค่ำ แลวันพุธเดือนอ้าย ขึ้น ๔ ค่ำ
ปีฉลูสัปตศก ( พ.ศ.๒๔๐๘ ) นี้
จะเสด็จพระราชดำเนินมาเริ่มการก่อเปนฤกษ์”
แต่ยังไม่ทันสำเร็จ พระองค์ก็ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย เสียก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น