Best Thai History

Amps

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564

สงครามกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอลองพญา พ.ศ.๒๓๐๒

ศึก เมื่อแรกเปลี่ยนแผ่นดิน พ.ศ.๒๓๐๒

การเข้าตีพระนครศรีอยุธยา 

ครั้งพระเจ้าอลองพญา  พ.ศ.๒๓๐๒ ปีเถาะนักษัตร 

ทัพพม่ามาทางมะริด-ตะนาวศรี เข้ากุยบุรี 
ผ่านเมืองต่าง ๆ รายทางที่ไม่ต่อสู้ ขัดขืน 
จนทัพหน้ามาตั้งอยู่ที่บ้านโพธิ์สามต้น 
ที่อยู่ของมอญหนีทัพ มาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร 
ครั้งเมื่อ ๑๔ ปีที่ผ่านมา ( พ.ศ.๒๒๘๘ )
ชาวจีนนายก่าย เป็นอาสาจีน 
ออกไปตีค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น 
มีทัพหมื่นทิพเสนา เป็นกองหนุน
ยังไม่ทันตั้งค่ายมั่น พม่าเห็นทีเชิงได้เปรียบ
ยกพลข้ามคลองออกมาทางวัดดาวคะนอง 
ตีทัพอาสาจีนนายก่ายแตกพ่ายไป
จนถึงทัพหมื่นทิพเสนา ๆ เห็นจีนแตกมา 
พระตำรวจในขวา ก็แตกกระเจิงกลับมาด้วย
ทัพหน้า ยึดได้เพนียดเป็นที่มั่น ใกล้เข้ามาอีกระยะหนึ่ง
ตั้งค่ายเตรียมทำบันได ที่วัดเจดีย์แดง  
ตั้งปืนใหญ่ที่วัดสามพิหาร ระดมยิงป้อมมหาชัย
ในเขตอาญาทัพของวังหน้า
ทัพหลวง ตั้งฐานที่บางกุ่มบ้านกระเดื่อง 
เดินทัพเรื่อยลงมา
ยึดวัดภูเขาทอง และค่ายมหานาค เป็นที่มั่น
ตั้งปืนเรียงรายตามวัดด้านทิศเหนือ 
เข้าโจมตี เขตอาญาทัพของวังหลวง 
โดยมุ่งเป้าไปที่พระบรมมหาราชวัง หัวใจเมือง
ตั้งปืนใหญ่ ที่ วัดหน้าพระเมรุ ตำแหน่งใกล้วังหลวงที่สุด  
บัญชาการรบโดย พระเจ้าอลองพญา เอง 
ระดมยิงทั้งกลางวันและกลางคืน
ทัพหลัง ไม่มีกล่าวในพระราชพงศาวดาร 
คาดว่า คงตั้งที่มั่น ที่ ตำบลสีกุก 
และเคลื่อนพล เข้าไปใกล้จนถึงฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ตั้งปืนใหญ่ ที่วัดราชพลี วัดกษัตรา 
ยิงเข้ามาทางด้านวังหลัง
ในเขตอาญาทัพของวังหลัง
โชคดีปืนที่ยิงพระบรมมหาราชวัง 
เกิดปืนแตก 
จนทำให้ พระเจ้าอลองพญา ประชวรหนัก 
ถึงต้องถอยทัพด่วนกลับไปทางเหนือ 
ใน วันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๖ (พฤษภาคม) ปีมโรงโทศก ( พ.ศ.๒๓๐๓)
หากพระเจ้าอลองพญา 
ไม่ประชวรหนักจนถึงต้องสวรรคตระหว่างทาง 
ยังไม่รู้ว่า จะต้องเสียกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่ในครั้งนั้นหรือไม่ ?
โอกาสที่จะปรับปรุงกองทัพ และคิดเตรียมการป้องกันพระนคร
หลังจากศึกครั้งนี้ 
นาน ถึง ๔  ปี กว่าที่พม่าจะยกทัพมาอีกครั้ง
ความประมาทเป็นหนทางแห่งความเสื่อมสูญ 
เมื่อถึงคราวจะวิบัติ อะไร ๆ ที่ควรจะรู้จะเห็น
ก็เหมือนไม่รู้ไม่เห็น  
ในขณะที่ยุทธวิธีการรบ ของทัพข้าศึก 
ปรับแต่งให้กระชับมากขึ้น และมีความอดทนรอมากขึ้น
จนถึงขั้นสุดท้าย....คือ 
ไม่ต้องการให้มีเมืองนี้อยู่อีกต่อไป.





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น