อัตชีวประวัติ ปฏิพัฒน์(วัชรินทร์) (ต่อ)
ชีวิตนักโบราณคดี
ตอน : วัดเจ้าอาม พระสนม สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๙ พ่อตายมา ๓๑ วันแล้ว
เสร็จงานขุดเตาทุเรียง ที่ จังหวัดสุโขทัย
กลับมาเขียนรายงาน อยู่ที่กองโบราณคดี กรุงเทพฯ
สาย ๆ พี่สมศักดิ์ รัตนกุล ,หัวหน้ามะลิ โคกสันเทียะ
ชวนไป "วัดเจ้าอาม"
เรื่อง พระขอให้ไปตรวจพระอุโบสถ ว่า จะรื้อ หรือ ควรสงวนไว้
ตั้งแต่ทำงานมา เพิ่งจะเห็น
พระวัดนี้เองที่เป็นพระนักอนุรักษ์นิยม
เจตน์จำนงค์ของท่าน คือ ไม่อยากจะรื้อ
แต่เมื่อประชุมคณะกรรมการวัด ๆ ต้องการจะให้รื้อสร้างใหม่
หากกรมศิลปากร มีความเห็นยืนยัน ว่า "ไม่ให้รื้อ"
ก็เท่ากับเป็นแรงสนับสนุนคำพูดของท่าน
ที่จะคัดค้านต่อคณะกรรมการ
และ จะได้พิจารณาสร้างในที่อื่นใหม่ (ที่ใกล้ ๆ กันนั้นเอง)
ปัญหาหนึ่ง คือ ความเข้าใจผิด หรือ ความมีทิฏฐิ ของ พระ สงฆ์ คือ
เมื่อกรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนวัดเป็นโบราณสถาน
หรือ ไม่อนุญาตให้รื้อ แล้ว
ทางวัดก็จะเมินเฉย ไม่สนใจดูแล
ปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
โดยอ้างว่า กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนแล้ว
ห้ามมิให้ทางวัดไปแตะต้องหรือปฏิสังขรณ์
จึงเท่ากับเป็นการทำลายโบราณไปในขณะเดียวกัน
อีกเรื่องหนึ่งที่ เพิ่งจะได้ทราบ ก็คือ ประวัติของ วัดเจ้าอาม
ที่กล่าวว่า เป็นวัดที่พระเจ้ากรุงธนบุรีสร้างขึ้น
เพื่ออุทิศให้แก่พระสนมนางหนึ่ง ชื่อ “เจ้าอาม”
เพราะทรงเข้าพระทัยผิด
เมื่อตอนที่หนูวิ่งเข้าไปในมุ้งของเจ้าอาม
และเจ้าอามโวยวายอุทานขึ้นเป็นชื่อของคนอื่น
ทำนองคล้ายกับเป็นชู้รักของนาง
จึงทรงกริ้ว โปรดให้เอาไปประหาร
เมื่อกลับมาทรงใคร่ครวญ ไตร่ตรองดูแล้ว เห็นว่า
พระองค์ทรงลุแก่โทษะเกินไป ไม่ทันพิจารณาให้ท่องแท้
ทำให้เข้าใจผิด ลงโทษ พระสนมอาม ถึงแก่ความตาย
จึงสร้างวัดนี้ขึ้น เพื่ออุทิศลุแก่โทษให้เจ้าอาม ท่านนั้น
จึงได้นาม ชื่อวัด ว่า "วัดเจ้าอาม"
หลักฐานที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน คือ ปรางค์ประธานหลังวิหาร
ตั้งคู่กับพระอุโบสถ ซึ่งหลังเดิม ได้ถูกรื้อไปแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น