วัตรปฏิบัติ บางวัน ในการเรียนโบราณคดี รอบสอง
"บันทึกการเดินทางไปสำรวจแควใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี"
ตอน: "ละมุดสโมสรและโฮสเต็ล บ้านปากนาสวน"
“ละมุด ปุณณาโณ” (ชื่อในรูปที่เห็นตอนยังบวช)
เป็นเจ้าของร้าน ได้จัดที่ให้พวกเรานอนข้างบน
ซึ่งก็นับเป็นการดีถมไปแล้ว กับสภาพในป่าเช่นนี้
และ ก่อนจะกินอาหารเย็น
ก็ต้องเพิ่มน้ำย่อยในกระเพาะกันเสียหน่อยตามธรรมเนียม
"แม่โขง"ที่ร้านนี้ ราคา แบนละ ๑๕ บาท
น้ำอัดลมทุกชนิด ราคาขวดละ ๒ บาท
ก็นับว่าราคาไม่แพงนัก
เมื่อคิดถึงค่าขนย้ายและการเดินทางจากในเมืองมาถึงที่นี้
ในระหว่างพูดคุยกัน
ได้สอบถามความรู้เบื้องต้น
ของสภาพความเป็นเป็นอยู่และอาชีพของชาวบ้าน
ได้พอรู้เป็นเลา ๆ ว่า
ชาวบ้านในละแวกแม่น้ำแควใหญ่นี้
มีหลายเชื้อชาติด้วยกัน
ส่วนใหญ่เป็น มอญ พม่า และกะเหรี่ยง
คนไทยเพิ่งอพยพเข้ามาตั้งรกรากในดินแดนแถบนี้
เมื่อไม่นานนัก และมีเป็นส่วนน้อย
การกสิกรรม มีการปลูกข้าวไร่
(หมายถึงข้าวที่ไม่ต้องไถนา และไม่ต้องอาศัยน้ำจากแม่น้ำ ใช้เพียงน้ำฝนเพียงอย่างเดียว จะเริ่มหยอดข้าวในราวเดือน ๗ หรือเดือนมิถุนายน แล้วก็รอให้ฝนตก ถ้าหากฝนไม่ตก ข้าวก็จะไม่งอกและอาจเสียหายได้)
ฝ้าย ละหุ่ง แตงโมเม็ด และนุ่น
อาชีพที่นอกเหนือไปจากการกสิกรรม คือ ตัดไผ่รวก ตัดไม้ชิงชัน ไม้เสลา ขาย และจับปลา
ของที่ได้จากพืชไร่
จะส่งลงเรือหางยาวไปขายที่อำเภอลาดหญ้า หรือ เมืองกาญจนบุรี
ส่วนไม้ไผ่รวก แต่ก่อนจะขายได้ราคา ลำละ ๑ บาท
เพียงแค่ตัดมาส่งที่แม่น้ำเท่านั้น
แต่เดี๋ยวนี้ขายได้ ลำละ ๔๐ - ๕๐ สตางค์ เท่านั้น
สัตว์ป่า มีมากทางบริเวณเหนือห้วยขาแข่งขึ้นไป
แถวหาดบ้านนามีล่าบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก
ยิ่งในเวลานี้ ทางการเข้มงวดมาก
การล่าสัตว์จึงน้อยลงไปมาก
จะมีล่ากันบ้าง ก็พอแบ่งกันกินในหมู่บ้านเท่านั้น
แต่สังเกตดูที่บ้านที่พัก หรือ "ละมุดสโมสรและโฮสเต็ล"
มีเขาสัตว์มากมายประดับไว้
ส่วนมากเป็นหัวกระทิง มี ๕ หัว กวาง ๒ หัว
เขาสัตว์เหมือนกวาง
แต่เขาเป็นสีขาวคล้ายหินปูน
สั้นและเล็กกว่าเขากวางมาก ๒ หัว
เลียงผา ๑ หัว
และกรามล่างหมูป่า ๑ กราม
คิดว่า เขาคงซื้อมาจากพรานป่าที่ไปล่าเอามาขาย
"ละมุดสโมสรและโฮสเต็ล"
มีกิจกรรมทั้งวัน
ตั้งแต่ขายอาหาร และของใช้อื่น ๆ ที่จำเป็นของชาวบ้าน,
ขายเครื่องดื่มทุกชนิด,เป็นสโมสรเล่นไพ่
รวมทั้งเป็นที่พักให้เราในคืนนี้ด้วย.
ขอบคุณ ภาพประกอบจาก Google
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น