ตอน : ตามลายแทง วัดห่อหมก
วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๕
เพื่อน "เพิ่ม" จากในวังหลวง
ไปติดลูกสาว"มหาเอนก" วัดห่อหมก อำเภอ บางไทร
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เลยเอาข้อมูล ที่ได้มาเป็นประวัติของวัด
มาชวนไปขุดสมบัติ ตามลายแทง ว่า
"วัดทรายบางหวายมีต้นไม้ใหญ่สองต้น ผู้ใดมีบุญไปขุดได้แล..ถกเขมรข้ามน้ำ อิลุมปุมปัง อิลัง..." (ต่อไปจำไม่ได้)
ตามประวัติ ว่า ลายแทงฉบับนี้ เลื่องลือไปจนถึงประเทศอินเดีย
จนถึงมีคนมาแขกโพกหัวติดตามมาดูสถานที่
เห็นริมสระน้ำมีต้นไทรใหญ่ สองต้น
กับต้นตาลอีก ๑ ต้นที่มุมสระ ต้องตรงตามลายแทง
จึงพูดผ่านล่าม ว่า มีสมบัติอยู่ตรงนี้
และมี "โสมเฝ้าทรัพย์ อยู่ ๔ ตน"
จะจับไปถ่วงน้ำเสียที่แม่น้ำคงคา
จะขออนุญาตทางวัดขุด ทางวัดยังไม่ทันตกลง
แขกก็กลับไปเสียก่อน
และกลับมาอีกครั้งในตอนกลางคืน พร้อมอุปกรณ์
เครื่องมืดขุดพร้อมสรรพ
ชาวบ้านเห็นแขกมา ก็พากันแตกตื่นไปดูแขกขุด
พร้อมทั้งข่าวลือ ติดตามมา ว่า
"แขกได้สมบัติ"
แขกลงมือขุดไป เกือบ ๒ เมตร พบ
ดินมีขี้แร่ปะปน ...
จึงหยุดขุด และกล่าวว่า
"บัดนี้ขุดลงมาถึง หินปิดเป็นแผ่นบังหัวเรือชะล่า
ที่ใส่สมบัติไว้...ถ้าขุดต่อไปจะพบสมบัติแน่นอน
แต่ขอให้ทางวัดรับรองความปลอดภัย ว่า
ชาวบ้านจะไม่กลุ่มรุมทำร้าย แย่งชิงสมบัติกัน"
ทางวัดไม่รับรองความปลอดภัย
แขกเลยเลิกขุด
แถมยังไม่ได้จับปู่โสมทั้งสี่ใส่หม้อกลับไปด้วย
ทิ้งหลุมไว้ อย่างนั้น
ชาวบ้านก็ไม่กล้าขุดต่อ
เพราะกลัวเจอโสมเฝ้าทรัพย์ ทั้ง ๔ นั้น
มาจนตราบทุกวันนี้
เมื่อเพื่อนเพิ่ม ขอให้ไปดู ก็ไปด้วย
นั่งรถไปลงเรือที่ จังหวัดปทุมธานี
ถ้าไปเรือสองตอนแบบหางยาว ค่าเรือคนละ ๕ บาท
ถ้าไปเรือด่วนบ้านแพน คนละ ๑๐ บาท
เข้าไปทางแม่น้ำน้อย ประมาณ ๑ ชม.ก็ถึง
ขึ้นที่ท่าวัดห่อหมก หรือวัดศรีสุทธาราม
เมื่อข้าพเจ้าขึ้นไปสำรวจโดยทั่วไปแล้ว สรุปได้ว่า
๑.สภาพของวัดโดยทั่วไปเป็นวัดใหม่
ที่ถูกบูรณะขึ้นมาจากวัดเดิม
สร้างเมื่อไม่เกิน ๑๐ ปี ขึ้นไป
มีหลักฐานการสร้างและบูรณะอย่างแน่นอน
ทั้งทางเอกสารและพระประธานในโบสถ์ ที่มีจารึก
ถึงวันที่หล่อพระ คือ “มหาอเนก ผู้เป็นบิดา ของแฟนเพื่อนเพิ่ม
๒.วัดนี้มีโอกาสที่จะเก่าขึ้นไปจนถึง
วัดในสมัยอยุธยาตอนปลาย (พุทธศตวรรษที่ ๒๓ - ๒๔ ) ได้
ก็คือ หลักฐานที่ได้พบพระพุทธรูปหินทรายสีเทา ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ปางสมาธิ จำนวน ๒ องค์
กับพระพุทธรูปขนาดเล็ก ที่เรียกว่า “พระงั่ง”
และตุ๊กตาดินเผารูปคนอุ้มไก่
ต่อมาวัดนี้จะร้างลงด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ
จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ ๔
ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้อีกครั้ง
โดยสร้างวิหารขึ้นใหม่ทับบนวิหารเดิมสมัยอยุธยา
มีพระพุทธรูป ขนาดหน้าตัก ประมาณ ๑ เมตร
ลักษณะห่มผ้าจีวรดอก
ซึ่งเป็นลักษณะโดยเฉพาะของพระพุทธรูปในสมัยรัชกาลที่ ๔ ลงมา เป็นหลักฐาน
ถัดจากสมัยรัชกาลที่ ๔
ได้มีการซ่อมแซมบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
จนถึงการซ่อมปฏิสังขรณ์ใหญ่
ในครั้งที่ ๓ เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง
ดังนั้น เรื่องราวของลายแทง
ถ้ามีจริง...ก็คงเป็นสมบัติที่ใครนำมาฝังไว้
หรือ ไม่ก็เป็นของวัดที่ฝังไว้
เพื่อหลบให้พ้นภัยสงครามเมื่อครั้งกรุงแตก
๓.คนที่เป็นล่าม น่าจะสมรู้ร่วมคิดกับแขก
มาขุดหาตามลายแลง
เมื่อไม่เจอ ก็เลยเลิกกลับไป แต่...
ยังหลอนต่อไปว่า
"ปู่โสมทั้ง ๔ ยังอยู่ ยังไม่ได้จับไปถ่วงน้ำ"
สมบัติจึงยังอยู่รอดปลอดภัยดี มาจนทุกวันนี้
"ใครอยากไปขุด ก็เชิญ ไปขออนุญาต ผู้เกี่ยวข้องได้"...อิ อิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น