Best Thai History

Amps

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ชีวประวัติตอน : "หมอน้อย"

การขุดทางโบราณคดี ที่เมืองซับจำปา ลพบุรี

ตอน : "หมอน้อย"

วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๔

ณ ท่ามกลางไอแดดที่แผดกล้า
ผู้ลาจากกรุงมาใช้ชีวิตอันสันโดษ
อยู่กับกองดิน หิน และโครงกระดูก
เป็นเหมือนผู้บ้าสมบัติ
เป็นเหมือนผู้ฝึกหัดในวิชา
เป็นเหมือนบุรุษอาชาไนย
สองมือถือของที่ขัดกัน
มือหนึ่งถือสมุดและปากกา
แต่อีกมือถือปืนยืนพิทักษ์อยู่ปากหลุม

พิทักษ์ให้กับโครงกระดูกอันไร้ค่าในสายตาของคนอื่น
แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะพื้นเอาประวัติมนุษยชาติให้ปรากฏ
และเป็นของอันมีค่า เหมือนทองของนักโบราณคดี

ทั้งหมด กลับ ไปกรุงเทพฯ
คงเหลือ ข้าพเจ้า กับ พิเศษ สังขสุวรรณ ๒ คน
กับรถจิ๊ป ๑ คัน

เมื่อวานพิเศษ เอารถไปส่งสาวชาวบ้าน
และรถเกิดไปเสียระหว่างทาง
ตอนเย็นจึง ต้องเดินกลับ ๓.๕ กม.

วันต่อมา ขี่ม้า ถือปิ่นโต สะพายไรเฟิล ไปทำงาน

แต่วันนี้เดินไป
เพราะก้นระบมจากขี่ม้า เมื่อวันก่อน

เมียผู้ใหญ่คิดจัดเตรียมปิ่นโตไว้ให้
สำหรับถือเอาไปกินที่ site
แดดที่ร้อนจัด ทำให้เหนื่อยมากขึ้น
ถึงแหล่งขุดค้น เกือบ ๔ โมงเช้า
ลงมือขุด การขุดก็ยังช้าอยู่ตามเดิม
เพราะคนงานค่อนข้างจะไม่ค่อยยอมทำงานกันอย่างเต็มที่

กินข้าวปิ่นโต
ซึ่งไม่เคยได้กินแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วตั้งแต่อยู่ชั้นประถม

เกือบจะอร่อยดี
ถ้าหากไม่มี "ขี้ดินที่สะบัดจากส้นรองเท้า"
เข้าไปปนอยู่ในน้ำแกง
เปิดอาหารกระป๋องกินร่วมด้วย
ที่กินได้มากที่สุดเห็นจะเป็น "ปลากระป๋อง"

กินเสร็จนอนคุยกันอยู่สองคนกับ พิเศษ สังขสุวรรณ

บ่ายโมงกว่า ๆเสียงรถแทร๊กเตอร์รถไถ
วึงตึก ๆ ขึ้นมาบนเนินที่ขุด แล้วไปจอดอยู่ข้างหลุม

คนบนรถกระโดดลงมา ๓ – ๔ คน
คนหนึ่งถือปืนยาว
และอีกคนพกปืนสั้น เดินตรงเข้ามาหา

พิเศษเตรียมตัวพร้อมแล้ว
ด้วยการ ขึ้นลำปืนบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง
เพียงแต่คอยอยู่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นเท่านั้น

มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ชะโงกหน้าเข้ามาถาม

“ นายแพรดอยู่ไหม ?”

ข้าพเจ้าและพิเศษ ออกจะงง ๆ อยู่ว่า

ใคร ชื่อ "นายแพรด"
เพราะใจนึกไปถึงคนงาน

“นายแพรด หมอเทวดา อาจารย์ใหญ่ นะ”
เขาย้ำอีกครั้งเพื่อความกระจ่าง

จากนั้น เราก็เริ่มเจรจากัน ได้ความว่า
เขาต้องการจะมาหาอาจารย์หมอสุด หมอเทวดา

เพื่อจะให้ไปช่วยรักษาคนไข้ที่บ้าน
ซึ่งถูกสังกะสี ตัดนิ้วขาดและหน้าแตก

ในขณะที่นั่งรถสองแถวไป
แล้วรถเกิดไปชนเอาตอไม้เข้าอย่างจัง
เป็นผลทำให้สังกะสีที่วางอยู่ในรถ
เลื่อนขึ้นไปข้างหน้าโดยเร็ว และ
ตัดเอานิ้วของชายชรา เคราะห์ร้ายคนนั้น กระจุย

เมื่อเขาไม่พบอาจารย์หมอ
แต่เขาไม่มียาอะไรที่จะรักษาแผลได้เลย
นอกจากยากันบาดทะยัก

เขาจึงขอร้องให้ช่วยไปรักษาให้หน่อย
แม้ไม่ได้เป็นหมอ
แต่ก็ช่วยเอายาไปใส่ให้หน่อย ก็ยังดี
เพราะเขาไม่มียาใส่เลย

ตกลงเป็นอันว่า
ข้าพเจ้าต้องนั่งรถไถคันนั้น
กลับไปที่วัดซับจำปาเอากระเป๋ายา
แล้วนั่งรถย้อนมาที่เตาถ่าน
รับคนที่มาด้วยกลับไปที่บ้านของคนเจ็บ

ใช้เวลาเกือบ ๒ ชม.เต็ม

พอเข้าเขตหมู่บ้าน
คนบนรถก็ประกาศไปตลอดทาง ว่า

“หมอใหญ่ไม่อยู่ เลยเอาหมอน้อยมาแทน”

ชาวบ้านที่อยู่สองข้างทาง ดีอกดีใจ
เริ่มเรียกข้าพเจ้า เป็น "หมอน้อย"
ไปเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เลยสักนิด

พอลงจากรถ
เขาเชิญให้ขึ้นไปบนบ้าน
ชายคนหนึ่งยื่น สิ่งของอย่างหนึ่ง มาให้ข้าพเจ้าดู

"นี้หมอ..."หัวแม่ตีน,ดูสิ ยังจะทำอะไรได้บ้าง ?"

ข้าพเจ้าเกือบลมใส่อยู่ตรงตีนบันได
ตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นบนบ้าน

ที่บนบ้าน
มีชายชราคนหนึ่งนอนเหยียดยาวอยู่ กลางบ้าน
พอเห็นข้าพเจ้า ก็ลุกขึ้นนั่ง

คนที่ไปตามที่หลุมเป็นลูกหลานของชายชราคนนี้
คนหนึ่งท่าทางดีที่สุด
เข้ามาเปิดแผลให้ดู

เลือดแดงไปหมดทั้งเท้า
ส่วนหัวแม่เท้า อยู่ที่คนที่ให้ดูเมื่อสักครู่
และถือตามขึ้นมา นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วย

ส่วนที่เป็นนิ้วอื่น ๆ ที่เหลือก็ขาดห้อยร่องแล่งอยู่

ข้าพเจ้าใจหายวูบ
เพราะแบบนี้
จะต้องตัดเอาส่วนที่ขาดห้อยอยู่นั้นออกทั้งหมด

แต่คนอย่างข้าพเจ้า
แม้แต่เครื่องมือผ่าตัดก็ยังไม่เคยได้เห็น

แล้วนี่จะต้องมาลงมือตัดเองเชียวหรือ

แล้วถ้าตัด
หากไม่ฉีดยาชาให้คนไข้ จะตัดได้อย่างไร
ถ้าจะต้องฉีดยาชา
ก็ฉีดยาไม่เป็นอีก

ช่างวุ่นวายจริงหนอ

ตกลงเป็นอันว่าไม่ตัด
เพราะพอจรดตะไกรลงไปโดนเนื้อเท่านั้น
แกก็ร้องโวยวายลั่น เพราะมันเจ็บ

เครื่องมือผ่าตัดที่อาจารย์หมอ เตรียมมาด้วย
ข้าพเจ้าไม่กล้าใช้
เพราะอาจารย์หมอ เคยบอกว่า

"ถ้าหากไม่จำเป็นแล้ว ไม่อยากจะให้ใช้เลย"

ตกลงจึงเป็นเพียงแต่แต่งบาดแผลและ
ใส่ยาแบบปฐมพยาบาลเท่านั้น

แล้วก็แนะนำให้พาไปโรงพยาบาลแต่เช้าวันพรุ่งนี้
เพื่อให้หมอตัดและรักษาแผลให้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

แต่งแผลพันผ้าให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ให้ยาแก้ปวดไว้ ๖ เม็ด

เจ้าของบ้านเห็นข้าพเจ้าทำแผลเสร็จ
เตรียมข้าวปลาอาหารและเหล้าจะมาเลี้ยง

แม้ปฏิเสธ ก็ไม่ยอม
จึงจำต้องอยู่กินและดื่มอยู่สักพักหนึ่ง
เขาก็พานั่งรถกลับมาส่งที่หลุมเตาถ่าน

"เหล้าป่า ของชาวบ้าน ทำอะไรข้าพเจ้าไม่ได้เลย

เพราะ ข้าพเจ้ามึนอย่างแรงกับการกลายร่าง เป็น

"หมอน้อย" แทน "หมอเทวดา" ไปเสียแล้ว.







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น