ตอน : ล่องใต้ไปขุดที่ นครศรีธรรมราช
๑๑ - ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๕......
(๔) ปัญหาของความคิดและการตีความหลักฐาน
ในระหว่างที่ขุด มีปัญหาที่ต้องถกเถียงกัน
เสียแต่ว่า การถกเถียงกันเป็นไปด้วยอารมณ์อันมีทิฐิ
และพูดรวนกัน
ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดผลประโยชน์อันใดขึ้นมาเลย
นอกจากความผิดหวังและผิดใจกันเท่านั้น
แม้ว่า เหตุผลของแต่ละคนจะผิดหรือถูกก็ตาม
หากตั้งหน้าตั้งตาเถียงกันเพื่อเอาชัยชนะ
เหมือนการโต้วาที
ก็มิได้ส่งเสริมพลังทางด้านสติปัญญา แต่อย่างใดเลย
กลับจะเป็นการทำให้หลงตัวเองขึ้นไปอีกว่า
ตัวเองเป็นคนเก่ง
ไม่เชื่อเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น
ถ้าหากสิ่งนั้น
ไม่มีตัวหนังสือหรือหลักฐานที่ปรากฏชัด
ในการบอกถึงเวลาของสิ่งของต่าง ๆ เหล่านั้น
ที่กล่าวนี้
เป็นเหตุผลของคนชนิดเอาสีข้างดัน
ดันไปเพื่อเอาชนะ
ถ้าหากเป็นเช่นนี้
ก็เลิกเรียนไปเสียเลย
แล้วเอามือปิดทวารทั้งเก้าเสียด้วย
เพราะไม่มีสิ่งใด ๆ
ที่เห็นและสัมผัสได้
ให้เป็นที่ให้เชื่อถืออีกต่อไปแล้ว
การถกเถียงกันในทางโบราณคดี คือ
การทำให้วิชาการกว้างขวาง ก้าวหน้า
เหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ใดในสมัยปัจจุบัน
จะเข้าไปถึงได้
เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วหลายยุคหลายสมัย
ข้อแม้ต่าง ๆ ก็มีมากมายจนเหลือคณานับ
แล้วแต่ว่า
ใครจะอ้างอย่างใดออกมาก็ได้
เป็นการถูกทั้งสิ้น ไม่ผิด
แต่อยู่ที่เหตุของแต่ละคน ว่า
สมควรที่จะเชื่อถือได้หรือไม่เท่านั้น
ไม่ได้มีการบังคับให้เชื่อกันเลยทีเดียว
สิ่งต่างๆ ที่กล่าวขึ้นมาเป็นเพียงสมมุติฐาน
ที่อาจถูกหรือผิดได้
เหมือนกับหมอดูโชคชะตาราศี
ที่อาจจะถูกหรือผิดได้เช่นเดียวกัน
การขุดค้น หรือ การได้พบหลักฐานใหม่ ๆ แต่ละครั้ง
เป็นการค้นหาข้อมูล
ที่จะมาส่งเสริมเหตุผลในการวิเคราะห์
ให้มากยิ่งขึ้น
เป็นวิชา "สถิติ" หรือเป็น "มัธยฐาน"
หากไม่เชื่อใน "มัธยฐาน" ที่ตั้งไว้แล้ว
ก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ที่จะต้องศึกษากันต่อไปอีก
เพราะความคิดจะกระเจิดกระเจิงไป
ไม่มีระเบียบแบบแผน
ใช้แต่อารมณ์ของตนเองเป็นผู้บงการให้เป็นไป.
วัชรินทร์ พุ่มพงษ์แพทย์
วันเสาร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๕
นครศรีธรรมราช.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น