Best Thai History

Amps

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

อัตชีวประวัติปฏิพัฒน์ (วัชรินทร์ ) ตอน มีอะไร ที่ "ศาลพระกาฬ" อยุธยา

อัตชีวประวัติปฏิพัฒน์ (วัชรินทร์ )

ชีวิตตกภูมิ"คนต้องขื่อคา" พ.ศ.๒๕๑๓

ตอน : มีอะไร ที่ "ศาลพระกาฬ" อยุธยา

เช้าวันรุ่งขึ้น อาจารย์คงเดช ประพัฒน์ทอง
สั่งให้นักศึกษาขุดหลุมที่กลางอาคาร
ต่อจากหลุมขโมยที่เปิดทางทิ้งไว้
ประมาณ ๑.๕๐ เมตร
ก็พบว่า ขโมยขุดค้างไว้เพียงนั้น

ศรเพชร มีศรี
เพื่อนรุ่นเดียวกัน
เป็นตัวขุดลุยลงไปตามแนวดิ่ง
ลึกลงไปเรื่อย ๆ
ในหลุมขนาด ๑x ๑ เมตร จนถึงระดับลึก ๔.๔๐ เมตร

ก็หมดแนวอิฐที่ก่อเป็นฐานอาคาร ระดับนี้
น้ำใต้ดินเริ่มไหลเข้ามามาก

ดังนั้น การขุดในระดับต่อไป
จึงเหมือนเป็นการทำงานอยู่ในน้ำ
ที่ต้องตักออกอยู่ตลอดเวลา

ใต้ชั้นอิฐ
เป็นชั้นทรายละเอียดถม
ในชั้นนี้เอง ได้พบโบราณวัตถุหลายชิ้น ที่น่าสนใจ คือ

๑.พระคเณศวร สำริด
มีสนิมจับหนาจนไม่เห็นลวดลายละเอียด
และ ใต้ฐานพระคเณศวร
มีแหวนสำริดหัวแหวนเป็นพลอยสีเขียว
ขนาดปานกลาง

แหวนนี้ติดอยู่กับฐานพระพิคเณศเพราะสนิม

๒.โถเคลือบ
สีเทาอ่อน เกือบเป็นสีขาว
ไม่มีลายเขียนสีตกแต่ง
ช่วงล่างของภาชนะตกแต่งเป็นลายนูนต่ำ กลีบบัวโดยรอบ
ผิวเคลือบบาง
เนื้อภาชนะบางเบา
ไม่มีรอยแตกรานมากนัก

ศิลปะจีน สมัยราชวงศ์ซ้อง (ซ่ง)
อายุประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๙

ภายในภาชนะใบนี้
บรรจุแผ่นเงินตัดเป็นรูปวัชระ ๑ ชิ้น
แผ่นเงินกลมบาง

แผ่นเงินรูปสี่เหลี่ยมแบน
ที่กึ่งกลางด้านข้างตัดเป็นรอยเข้าไปเล็กน้อย
ทำให้มีรูปร่างคล้ายลายประจำยาม

๓.กระปุกเคลือบ สีเขียวอ่อน
ภาชนะใบนี้ ขุดพบตอนล่างสุดในชั้นดินเหนียวปนอิฐหัก
ซึ่งอยู่ใต้ชั้นทรายละเอียดลงไป

ภายใต้ภาชนะ
มีแผ่นทอง
ทำเป็นรูปคล้ายพานดอกบัวแปดกลีบ รองรับอยู่

กระปุกใบนี้ฝีมือหยาบกว่าใบแรกที่พบ
ปากภาชนะมีขนาดเล็ก
ที่คอมีหู ๒ ข้าง แต่หูชำรุดหักไปก่อนหน้าแล้ว

ภายในกระปุกเคลือบใบนี้
พบแผ่นทองตัดเป็นรูปต่าง ๆ
บางชิ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม
บางชิ้นเป็นรูปเรียวบางแหลมเหมือนใบไม้ชนิดหนึ่ง

นอกจากนั้น เป็นหัวแก้วหัวแหวนที่ทำจากหินต่าง ๆ สีชมพูอ่อน สีขาว สีแดง อีก จำนวน ๒๐ เม็ด

๔.กระปุกสังคโลก ขนาดจิ๋ว สีน้ำตาลอมเขียว
ขนาด ๓.๘ X ๕.๑ ซม.
ฝีมือช่างเตาเกาะน้อยหรือเตาป่ายาง
ไม่มีสิ่งใดบรรจุอยู่ภายใน

๕.แผ่นทองตัด เป็นรูปต่าง ๆ ๒๑ แผ่น
ส่วนใหญ่เป็นรูปวงกลม
ขนาดกว้าง ประมาณ ๒.๒ – ๒.๕ ซ.ม.
บางชิ้นตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม
รูปตัวกนก รูปวัชระ รูปช้าง รูปเต่า

ชิ้นที่น่าสนใจที่สุด เป็น

แผ่นทองรูปกลมขนาดกว้าง ๓ ซ.ม.
มีลายก้านขด
ตรงกลางมีเรือนสำหรับติดแก้วมณี

อีกชิ้นหนึ่ง เป็น
ทองรูปสี่เหลี่ยมห่อหัวแหวนแก้วสีขาวไว้ภายใน
จำนวน ๒ เม็ด

๖.แผ่นเงินกลม ขนาดไล่เลี่ยกับแผ่นทองกลม จำนวน ๕ แผ่น

๗. เศษสำริดและเศษทองอื่น ๆ ที่รูปร่างไม่ชัดเจน
ของเหล่านี้ พบในชั้นทรายละเอียด และ
บนผิวพื้นทรายละเอียด
ตอนที่อิฐชั้นล่างสุดของตัวอาคารวางทับอยู่

จึงสันนิษฐานว่า
ของเหล่านี้เป็นของที่ใช้โปรยในพิธีวางอิฐ
ปูพื้นฐานอาคารก่อนจะเริ่มสร้าง

(ข้อมูล จาก วารสารโบราณคดี ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ เดือน ตุลาคม – ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๒ )

จากหลักฐานที่ขุดพบเหล่านี้ จึงทราบได้แน่ชัดว่า

เป็นอาคารที่สร้างขึ้นในศาสนาฮินดู
ใช้สำหรับเป็นเทวสถานแน่นอน

เพียงแต่ไม่ชัดเจนว่าสร้างขึ้นสำหรับเทพองค์หนึ่งองค์ใด
โดยเฉพาะหรือไม่

ส่วนลมพายุหมุนที่เกิดขึ้น
ในคืนก่อนการขุดพบ และ
หมุนไปหายลงกลางศาสนสถาน

"ศาลพระกาฬ"

นั้น เกิดขึ้นจากอะไร ............สุดที่จะอธิบายได้




อารักษ์ คคนาท ( โบราณคดี รุ่น ๑๔)


เจาะหลุมกลางโบราณสถาน ศาลพระกาฬ อยุธยา พ.ศ.๒๕๑๒


พระคเณศวร สำริด มีสนิมจับหนาจนไม่เห็นลวดลายละเอียด และใต้ฐานพระคเณศวร มีแหวนสำริดหัวแหวนเป็นพลอยสีเขียว ขนาดปานกลาง แหวนนี้ติดอยู่กับฐานพระพิคเณศเพราะสนิม


๒.โถเคลือบ สีเทาอ่อน เกือบเป็นสีขาว ไม่มีลายเขียนสีตกแต่ง ช่วงล่างของภาชนะตกแต่งเป็นลายนูนต่ำ กลีบบัวโดยรอบ ผิวเคลือบบาง เนื้อภาชนะบางเบา ไม่มีรอยแตกรานมากนัก ศิลปะจีน สมัยราชวงศ์ซ้อง (ซ่ง) อายุประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๙


๓.กระปุกเคลือบ สีเขียวอ่อน ภาชนะใบนี้ ขุดพบตอนล่างสุดในชั้นดินเหนียวปนอิฐหัก ซึ่งอยู่ใต้ชั้นทรายละเอียดลงไป ภายใต้ภาชนะมีแผ่นทองทำเป็นรูปคล้ายพานดอกบัวแปดกลีบ รองรับอยู่














พรชัย สุดลาภา(ปื๊ด) โบราณคดี รุ่น ๑๕


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น