Best Thai History

Amps

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

อัตชีวประวัติปฏิพัฒน์ (วัชรินทร์ ) ตอน หลวงพ่อนักเลง วัดพระยาศิริฯ

อัตชีวประวัติปฏิพัฒน์ (วัชรินทร์ )

เรียนไปเที่ยวไป ตอน : หลวงพ่อนักเลง วัดพระยาศิริฯ

พระครูสิริวรคุณ (ทองดี โสภโณ) เจ้าอาวาสวัดพระยาศิริไอศวรรย์ บางยี่ขัน ธนบุรี
เพราะคุ้นเคยกันท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก
เมื่อท่านอาจารย์ จะจัดทัวร์เที่ยววัดในกรุงเทพฯ
จึงต้องไปสัมภาษณ์ท่าน เพื่อเขียนคู่มือนำเที่ยว

หลวงปู่พระครูทองดี ท่านเล่าให้ฟัง ดังนี้
อตีเต กาเล นานมาแล้ว มีคนไม่ทราบชื่อคนหนึ่ง
ได้นำพระพุทธรูปยืน สำริด ๒ องค์
ลงมาจากเมืองพิษณุโลก ชำรุดพระกรหัก
มาว่าจ้างช่าง ชื่อ “โห้”
ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ข้างวัด
เป็นผู้ซ่อมพระกรและเติมพระหัตถ์
รวมทั้งทำบัวรองพระบาท

แต่หลังจากนั้น ผู้ที่นำพระพุธรูป มาให้ “ช่างโห้” ซ่อม
หายสาบสูญไป ไม่ได้กลับมาติดต่ออีก

ครั้นต่อมา ช่างโห้ มีความจำเป็นจะต้องขายสวนให้กับคนอื่น
จึงนำพระพุทธรูปสำริด ที่มีคนมาจ้างซ่อม นั้น
ออกจากบ้านมาวางไว้ที่มุมกำแพงโบสถ์
ซึ่งแต่เดิมที่มุมกำแพงโบสถ์ทั้ง ๔ ด้าน
มีกุฎิเล็ก ๆ ๔ กุฎิ
นายช่างโห้ จึงนำมาใส่ไว้ที่ในกุฎิเล็กหลังโบสถ์

เวลาล่วงเลยผ่านมานาน
จนกระทั้งโบสถ์นั้นชำรุดทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก
“โยมทองคำ” ได้รับเป็นผู้บูรณะปฏิสังขรณ์โบสถ์
เปลี่ยนช่อฟ้าใบระกา และซ่อมกำแพงแก้ว
ระหว่างซ่อมกำแพงแก้ว
ก็ได้นำพระพุทธรูปสำริดทั้งสององค์
ไปวางหงายไว้ในวิหารใหญ่ (สร้างหลังโบสถ์)

๓ ปี ต่อมา “หลวงตาชื่น”
ได้พิจารณาเห็นว่า
มีผู้คนมาสักการะพระพุทธรูปสำริดทั้งสององค์นี้อยู่มิได้ขาด สอบถามได้ความว่า

ผู้คนทั้งนั้นไปขอหวย ก.ข. แล้ว
มักถูกกันเสมอ เป็นที่เล่าลือกันว่า

ถ้าตั้งใจจะไปขอ "หวย ก.ข." ให้ไปขอกับ "หลวงพ่ออ้วน"
ถ้าผู้ใดต้องการจะ "เล่นถั่ว" ให้ไปขอกับ "หลวงพ่อผอม"

หลวงตาชื่น จึงนำพระพุทธรูปสำริด ๒ องค์นี้
ไปประดิษฐานไว้ทางหน้าวัด
เพื่อให้เป็นที่กราบไหว้เคารพบูชา
สร้างวิหารหลังเล็ก ๆ ขึ้นหลังหนึ่ง
และจัดให้มีงานนมัสการปิดทอง "หลวงพ่อสัมฤทธิ์"
เป็นประจำทุกปี

ที่วิหารหลังใหญ่ ทางด้านหลังโบสถ์ นั้น(ปัจจุบันไม่มีแล้ว)
มีซุ้มประดิษฐาน "พระพุทธรูปนาคปรก" อยู่องค์หนึ่ง

เมื่อครั้งที่ หลวงปู่ทองดี ยังเป็นเณร
เคยเข้าไปถากถางหญ้าในบริเวณวิหาร
ได้เคยไปลูบคลำพระนาคปรกองค์นี้
เข้าใจว่าเป็นพระพุทธรูปหล่อธรรมดา
แต่ต่อมามีผู้ร้ายพยายามจะมาลักขโมยไปขาย

ตามราคาซื้อขายกันในขณะนั้น ๕๐๐ บาท

ขโมย ยกพระนาคปรกลงจากคูหาได้แล้ว
และกำลังจะยกออกไป
พอถึงกำแพงวิหาร
ก็เกิดความตกใจกลัวเป็นกำลัง
ทิ้งพระพุทธรูปนาคปรก นั้น เพราะ
พวกขโมย เห็นเป็นยักษ์ใหญ่ ถือกระบองตามมาไล่ตี

จึงพากันตกใจกลัว ทิ้งพระ วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปหมด

จนเช้ามืด ประมาณ ตี ๕ ใกล้สว่างแล้ว
พวกขโมยจึงย้อนกลับมาเอาเรือ

เป็นเวลาเดียวกับ "นายฉัตร" บ้านข้างวัด
เดินจากบ้านจะมาเข้าห้องเวจกุฎี ของวัด
ได้มาพบเหตุการณ์เข้า
จึงนำความไปแจ้งแก่เจ้าอาวาส ๆ จึงรวบรวม พระ เณร และเด็กวัด ไปช่วยกันหาม
"พระพุทธรูปนาคปรก" องค์นั้น ขึ้นไปไว้บนหอสวดมนต์

ต่อมาจึงได้นำพระพุทธรูปองค์นี้
ลงมาตั้งประดิษฐานไว้ระหว่าง
หลวงพ่อสำริดทั้ง ๒ องค์นั้น มาจนทุกวันนี้

ดังนั้น...พระศักดิ์สิทธิ์ของวัดพระยาศิริไอศวรรย์
จึงล้วนเป็น "พระนักเลง".

"ใครไม่เชื่อ ไปลองดูเองก็แล้วกัน"








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น