บทนิราศทวาราวดี ของหลวงจักรปาณี (มหาฤกษ์)
บทนิราศทวาราวดี ของหลวงจักรปาณี (มหาฤกษ์) ตอนนี้ หมายถึง เรือแล่นทวนกระแสน้ำเจ้าพระยา ผ่านวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งในขณะนั้นเห็นเป็นป่ารกชัฎ จึงไม่ได้กล่าวถึงชื่อ เพียงแต่เปรย ๆ ถึงความรุ่งเรืองของกรุงเก่าในอดีต ว่า...
ดูภูมิฐานบ้านเมืองรุ่งเรืองยศ
ควรฤๅลดลงเป็นป่าน่าเสียดาย
ดูวัดวาอารามงามสล้าง
บ้างรกร้างโรยราน่าใจหาย
เมื่อครั้งกรุงยังสนุกสุขสบาย
ได้ยินฝ่ายผู้เฒ่าเขาเล่ามา
ว่าเศรษฐีมีทรัพย์ไม่นับได้
สร้างวัดให้ลูกรักนั้นหนักหนา
ถ้าบุตรใครไม่มีซึ่งวัดวา
ไปเล่นอารามเขาเศร้าฤทัย
ไปจนถึงทางแยกแม่น้ำเจ้าพระยาสบกับแม่น้ำลพบุรี ตรงหัวแหลม จากแม่น้ำเก่ากลายสภาพแคบลงจนเป็น คลองเมือง ดังที่กล่าวว่า..
ถึงสามแยกแฉกแฉวไปแควเหนือ
แลลิ่วเหลือสุดหล้าดูฟ้าเหลือง
พอรามรามข้ามคล่องเข้าคลองเมือง
ดูแน่นเนืองเรือแพออกแซ่เซ็ง
แต่ก่อนกว้างขวางดีเดี๋ยวนี้แคบ
ต้องแจวแอบโดนดังกันปังเป้ง
โอ้หัวแหลมแหลมแต่ชื่อไม่ฦๅเลง
ไม่แหลมเก่งเหมือนกะว่านัยน์ตาค้อน
แสดงให้เห็นว่า แม่น้ำลพบุรี ส่วนนี้ถูกเรียกว่า "คลองเมือง"มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้ว แต่ก็แออัดไปด้วยตลาดน้ำ และผู้คนใช้สัญจรจัดได้ว่าเป็นย่านการค้าใหญ่ในสมัยนั้น
ถึงบ้านท่าหลวงนานึกอาวรณ์
ด้วยปางก่อนรักใคร่เคยไปมา
ต้องแวะเยือนเหมือนกะท่านเป็นฉันญาติ
ให้ยกถาดกระท้อนห่อไปต่อหน้า
หลายสิบผลคนธรสโอชา
ขึ้นไปหาให้ท่านโดยกันเอง
ท่านให้ก้านฟักทองสนองตอบ
ยังนึกขอบใจเจาะด้วยเหมาะเหม็ง
นิสัยท่านนั้นก็รักข้างนักเลง
พูดแต่เพลงกาพย์กลอนจนอ่อนระอา
เรือแล่นผ่านบ้านท่าหลวงนา คือ กรมการนา หรือข้าหลวงเสนา ที่ ออกมาประจำอยู่ที่เมืองกรุงเก่า ่้ข้าหลวงเสนามีหน้าที่ออกเดินรังวัด ประเมินนาของราษฎร เก็บเงินค่านาเป็นราชทรัพย์ของหลวง และระงับข้อพิพาทของราษฎรที่เกี่ยวกับเรื่องที่นา ซื้อข้าวขึ้นคงฉางหลวงสำหรับพระนคร และจ่ายข้าวเป็นเสบียงในราชการทั่วไป .
แต่ยังสืบค้นไม่พบ ว่า ข้าหลวงนาท่านนี้มีชื่อว่าอะไร ฝากคนที่ทราบช่วยค้นหาเพิ่มเติมด้วย จะมีคุณประโยชน์ ต่อการค้นคว้าทางโบราณคดีประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดียิ่ง
เครดิตภาพเก่า จากกูเกิล บางภาพนำมาประกอบ,อาจไม่ใช่ที่อยุธยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น