บันทึกท้ายสัปดาห์
จ.๑ - อา.๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๐
ความรู้สึกสำนึกในประวัติศาสตร์ชาติ ของคนที่มาเที่ยวอยุธยา
ปลุกสามัญสำนึกของตนเองขึ้นมาอย่างมากมาย
ในขณะที่เขาพบเห็น “คนพม่า”
ความรู้สึกโกรธ
ความรู้สึกหวังดี
(แบบเข้าใจสถานการณ์ ความเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์)
ได้สร้างปฏิกิริยา ขึ้นมาหลายรูปแบบ
จะเป็นการดีที่สุด
หากจะไม่กล่าวอ้างอิงถึงความเป็นชนชาติของเขา
เพราะนั้นเท่ากับเป็นการ
เพาะบ่มความเจ็บช้ำ ให้มากขึ้นไปอีก
แต่กระนั้น คนฟังจะรู้ด้วยความรู้สึก ว่า
คนที่เป็นต้นเหตุเหล่านั้น คือ “พม่า”
หลายคนถามเราว่า
“พวกเขาเคยย้อนกลับมาดูความพินาจของเราหรือไม่ ?”
เปล่าเลย....
การกลับมาอยุธยาของเขาเหล่านั้น
เพียงเพื่อการศึกษา
เราเองก็ไม่กล้า
จะพาพวกเขาไปชมความปรักหักพังของอยุธยามากนัก
เพราะบางครั้ง “อาย” ที่จะบอกว่า
พวกเขาเป็นผู้ที่ทำลายทั้งหมด
ทั้ง ๆ ที่ ส่วนหนึ่งของการทำลาย คือ
“พวกเรา” กันเอง
บางครั้งเมื่อนั่งคุยกัน ถึงผลของสงคราม.
ผลของความที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของชาติมหาอำนาจ
ทำร้ายพวกเขามากกว่าที่เราจะคิด
ในขณะที่เรารอด “ปากเหยี่ยวปากกา”
ของการตกเป็นเมืองขึ้นมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
พวกเขาเองกลับต้องอยู่ในภาวะระทมขมขื่น
จนพวกเขาไม่อยากจะฝัน
ถึงวันที่พวกเขาจะเป็นอิสระได้อย่างแท้จริง.
นี่คือผลของสงคราม.
พระนครศรีอยุธยา
เมื่อพม่าเสียเมือง
อาคารสไตล์โคโลเนียลในย่างกุ้ง
เป็นวิทยากรบรรยาย คณะนักศึกษา ม.ราชภัฏฯอุดรราชธานี
ที่วัดวรเชษฐาราม พระนครศรีอยุธยา
พาคณะเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เมียนมาร์ ศึกษาและดูงาน โบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ส.๑๓ -ศ.๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๐)
ส่ง คณะอาจารย์ และนักศึกษา ม.ราชภัฏฯอุดรราชธานี แล้ว เตรียมตัวไปเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่ พระราชวังบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา ( ศ.๖ กันยายน ๒๕๔๐)
เฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่ พระราชวังบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา ( ศ.๖ กันยายน ๒๕๔๐)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น