เที่ยวสงขลาครั้งที่ ๒ (๒๓-๒๖ มิ.ย.๖๕)
แล้วกลับมาเล่าเติม
"วัดดีหลวง" ที่ หลวงปู่ทวด บรรพชาเป็นสามเณร
“วัดกุฎีหลวง” ,“วัดกะดีหลวง” หรือ "วัดดีหลวง"
ตั้งอยู่ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ในแผนที่กัลปนาวัดเมืองพัทลุงในสมัยอยุธยา
เรียกชื่อวัดนี้ว่า “วัดกะดีหลวง”
ในช่วงเวลา นั้น มีเรื่องราวของหลวงปู่ทวด"ปู"
สมัยเมื่อยังเป็นเด็กชาย “ปู”
ท่านเคยมาอาศัยกับ "สมภารจวง" ซึ่งเป็นหลวงลุง อยู่ที่วัดนี้
จนอายุได้ ๑๔ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร
ศึกษาวิชาต่างๆ ในวัดกุฎีหลวง ก่อน
จากนั้นจึงไปเรียนต่อ ที่ “วัดสีหยัง”
เรียนต่อที่วัดพระธาตุ เมืองนครศรีธรรมราช
ไปจนถึงกรุงศรีอยุธยาตามลำดับ
สุดท้าย ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ให้เป็นที่
"สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์"
ตามประวัติหลวงปู่ทวด กล่าวว่า
สามเณร "ปู" บวช ในพระอุโบสถหลังนี้
และ พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ลงรักปิดทอง
ที่ประดิษฐานเป็นประธานอยู่ในซุ้มเรือนแก้วเป็นองค์ดั่งเดิม
ชาวบ้านเรียกขานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "พระพุทธรูปนักเลง"
เพราะ ช่างปั้น ๆ
"พระหัตถ์ซ้ายพระพุทธรูปมีหิ้วนก"
ต่อมา ได้มีการปฏิสังขรณ์ ต่อเติมอาคารพระอุโบสถขึ้นใหม่
จึงสร้างซุ้มขึ้นครอบองค์พระประธานไว้
ในสมัย “อาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี” อดีตเจ้าอาวาส
รวมทั้ง ปั้นพระพุทธรูปปางเปิดโลกภายใต้เศวตฉัตร
อยู่ทั้งสองข้างซุ้มพระประธานด้วย
การสร้างพระพุทธรูปประธานที่มีซุ้มเรือนแก้วครอบลักษณะนี้
ทำให้สันนิษฐานว่า แต่เดิมพระอุโบสถหลังนี้
คงเป็นอาคารโล่งไม่มีผนัง
แต่ภายหลังเมื่อมีการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถขึ้นใหม่
จึงได้มีการต่อเติมเพิ่มให้มีผนังและประตูหน้าต่างขึ้น
เนื่องจากพระประธานองค์นี้ เป็นฝีมือช่างท้องถิ่น
จึงอาจไม่มีรูปแบบมาเปรียบเทียบในเชิงประจักษ์ ได้ว่า
เก่าถึงสมัยอยุธยา
อย่างไรก็ตาม ในประกาศราชกิจจานุเบกษา
พระราชทานวิสุงคามสีมา ลำดับที่ ๘๔ วัดกุฎีหลวงนอก
"พระเดช" เจ้าอธิการ กับ "ขุนจิตร์"
ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา
พระราชทานให้เมื่อ วันที่ ๑๙ ธันวาคม ร.ศ.๑๒๐
( พ.ศ.๒๔๔๔ ปีที่ ๓๔ ในรัชกาลที่ ๕ )
สอดคล้องกับจารึกที่เขียนไว้ที่ฐาน หน้าซุ้มพระประธาน
ถอดความได้ว่า
“ (๑)ชื่อต้นคนได้โมทนาใน..พระบาทพระพุทธศาสนาได้ ๒๔๖๓...ล่วงแล้วใน....ปีแรม ๖ ค่ำเดือน...ขอเป็นไปข้างหน้า......
(๒)...นายเมือง ภรรยาชื่อนางเกิด ร่วมน้ำใจในพระศาสนา ถือศีลภาวนา...ลงเห็นในปัน....ออกมา มูลค่าห้าสิบบาท ออกซื้อชาดและรักทอง
(๓)เอามาติดรูปพระปฏิมา เสร็จแล้ว...ฉลอง.......พระนิรพาน ในอนาคต...เถิด
จารึก กำหนดระบุ ว่า
ได้ลงรักปิดทองพระประธานองค์นี้
เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๖๗ ตรงกับปีที่ ๑๕ ในรัชกาลที่ ๖
จากการพิจารณา โบราณสถาน เอกสาร และโบราณวัตถุ
ประกอบกันแล้ว ยืนยันได้ว่า
“วัดดีหลวง” หรือ “วัดกะดีหลวง” เป็นวัดมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ประมาณ พ.ศ.๒๑๓๓
( ตรงกับแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) เป็นต้นมา
และตกเป็นวัดร้างมาจนได้รับการปฏิสังขรณ์
ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาขึ้นเป็นวัดใหม่ อีกครั้ง
ใน ปี พ.ศ.๒๔๔๔ ( ปีที่ ๓๔ ในรัชกาลที่ ๕)
หนังสือ กัลปนาวัดเมืองพัทลุง ในสมัยอยุธยาปรากฎชื่อ "วัดกะดีหลวง" ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๒๒
พระอุโบสถ "วัดดีหลวง" ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ปัจจุบัน
พระประธาน ใน พระอุโบสถ "วัดดีหลวง" ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ปัจจุบัน
"พระเจ้าหิ้วนก" พระประธาน ใน พระอุโบสถ "วัดดีหลวง" ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ปัจจุบัน
จารึกฐานซุ้มคูหาพระประธาน ใน พระอุโบสถ "วัดดีหลวง" ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ภาพจิตรกรรม ในซุ้มคูหาพระประธาน พระอุโบสถ "วัดดีหลวง" ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น