ตามรอยสุนทรภู่ไปสุพรรณฯ
"บางสาม" ภูมินามมาจากอะไร ?
๘๐๏ บางสามศารเจ้าทร่าง ปางหลัง
อารักศักสิทรวัง แว่นแคว้น
ศุกขีที่ข้าหวัง วานช่วย ด้วยแฮ
กำจัดศัตรูแม้น มุ่งร้ายตายเอง ฯ
เมื่อสุนทรภู่นั่งเรือเข้าเขตเมืองสุพรรณฯ
ตำบลบ้านที่กล่าวถึงเป็นแห่งแรก คือ “บางสาม”
ซึ่งเรียกชื่อบ้านตามลักษณะภูมิศาสตร์ ที่มีลำน้ำ สามสายมาสบกัน
สายหนึ่ง คือ “ลำแม่น้ำสุพรรณ (ท่าจีน)”
สายที่สอง คือ ลำน้ำที่เรียกว่า “คลองสองพี่น้อง”
และสายที่สาม คือ ลำน้ำที่หลงแตกมาจากลำน้ำสุพรรณ(ท่าจีน)
เรียกชื่อ ว่า “คลองบางหัวบ้าน”
ดังนั้นบ้านที่อยู่ชุมทางของลำน้ำสามสายนี้ จึงเรียกชื่อว่า “บางสาม”
คนไทยเชื่อกันว่าตรงทางสามแพร่งนี้เป็น “จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ”
หรือเป็น “พื้นที่อ่อนไหว” อย่างยิ่ง
บางคนก็ว่าเป็น “ทางผีผ่าน”
เหมือนประตูสู่ภพภูมิที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ดังนั้น จึงมีการสร้างศาลเจ้า เทพยดาอารักษ์ ไว้ตรงปากทางสามแพร่ง
เพื่อเซ่นไหว้ และปกป้องรักษา
ผู้คนและบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้นด้วย
ยังคงปรากฎ "ศาลเจ้าแม่เทียนโหเซียบ้อ"
หรือ ศาลเจ้าแม่ปากคลองบางสาม หรือ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อยู่แห่งหนึ่ง
เดิมเป็นศาลไม้ไผ่ ชำรุดเสียหายไปตามกาลเวลา
ต่อมาได้จมีการบูรณะขึ้นใหม่
สร้างเป็นศาลปูน และยังใช้สืบต่อมาจนทุกวันนี้
ในนิราศสุพรรณของ นายมี
เขียนถึง บางนี้ ขยายความออกไปได้อีกว่า
“ถึงบางสามบางสองพี่น้องเนื่อง เข้าเขตเมืองสุพรรณดั่งมั่นหมาย
ตลาดด่านรายรั้งริมฝั่งสบาย แลเห็นนายด่านเถ่อชะเง้อคอฯ
แสดงให้เห็นว่า นอกจากจะเป็นทางสามแพร่งแล้ว
ยังมีด่านเก็บภาษี อีกด้วย
ลำน้ำสามสาย มาสบกันที่ บางสาม อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
ปากคลองสองพี่น้อง ใกล้วัดบางสาม อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
คลองบางหัวบ้าน บางสาม อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
แม่น้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) บางสาม อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น