Best Thai History

Amps

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2565

วัดอู่ตะเภา วัดเก่าแก่ตั้งแต่ สมัยอยุธยา

 บันทึกความทรงจำ ๑ เมษายน ๒๕๖๕

ตอน : โบสถ์วัดอู่ตะเภา สุพรรณบุรี : ไม่ได้เป็นโบสถ์แบบมหาอุด

วัดอู่ตะเภา ตําบลหัวนา อําเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
ตั้งอยู่ใต้วัดฝาโถลงมา 
แต่ยังอยู่ริมคลองหัวกระบือฝั่งตะวันออก เช่นเดียวกัน
พระอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 
ฐานแอ่นโค้งแบบท้องเรือสำเภา 
ประวัติวัดเล่ากันสืบมาว่า
เมื่อครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี 
บริเวณที่สร้างวัด ตั้งอยู่ใกล้กับอู่จอดเรือสำเภา 
พวกชาวเรือพ่อค้าแม่ขาย ได้ชักชวนกัน
สร้างวัด ศาลาการเปรียญ เสนาสนะ และกุฏิสงฆ์ ขึ้น 
รวมทั้ง นิมนต์พระสงฆ์มาจำพรรษา 
ต่อมา ภายหลังจากเกิดสงคราม ๒๓๑๐ 
วัดอู่ตะเภา ได้กลายเป็นวัดร้างมาจน พ.ศ.๒๔๘๑ 
จึงมีพระสงฆ์มาจำพรรษา และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา 
ขึ้นเป็นวัดที่ทำสังฆกรรมได้อีกครั้ง 
จากภาพถ่ายเก่าก่อนบูรณะพระอุโบสถหลังนี้ 
แสดงให้เห็นว่า พระอุโบสถหลังนี้ 
ไม่ได้เป็นโบสถ์แบบมหาอุด อย่างที่เชื่อถือกัน ว่า 
"แต่เดิมไม่มีหน้าต่าง แล้วเพิ่งมาเจาะใหม่ในภายหลัง"
ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูป ๓ องค์ 
องค์ประธานกลางมีขนาดใหญ่กว่า ปางสมาธิ ประทับนั่งขัดสมาธิราบ
บนฐานบัวมีเกสร เขียนสีบนปูน 
ชาวบ้านร้านตลาดนับถือกันมากเรียกนามท่านว่า 
“หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์” 
และในปี พ.ศ.๒๔๘๕ 
นางเม่า หิรัญวงศ์ ได้จ้างนายถมยา ทำการบูรณะพระประธาน 
ในราคา ๔๐ บาท 
เข้าใจว่า สีที่ทาฐานพระพุทธรูปองค์ประธาน 
จะเป็นการทาขึ้นในช่วงเวลานี้
(ป้าย เขียนเป็น ปี พ.ศ.๒๕๔๘ จ้างเงินราคา ๔๐ บาท 
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...ถ้าแก้ได้ควรแก้)
ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ ได้มีคณะศิษย์พรหมรังสี มาทอดกฐินสามัคคี 
สร้างหลังคามุงด้วยสังกะสี เป็นเงินทั้งสิ้น ๔๐,๐๐๐ บาท 
ทางวัดได้สร้างเหรียญหลวงพ่อวัดอู่ตะเภา เพื่อสมนาคุณ 
และเป็นที่ระลึกในงานฉลองพระอุโบสถ อ.เดิมบาง จ.สุพรรณบุรี 
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๕๓ 
วัดและกรมศิลปากร
ได้รับจัดสรรเงินอุดหนุนให้ทำการขุดแต่งและปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ 
ในวงเงิน ๓,๔๙๐,๐๐๐ บาท 
จัดภูมิทัศน์ อีก ๓ ล้านบาท สำเร็จเรียบร้อยใน ปี พ.ศ.๒๕๕๓
จากหลักฐานทั้งด้านสถาปัตยกรรม และโบราณวัตถุ 
สรุป ได้ว่า "วัดอู่ตะเภา" 
เป็นวัดที่สร้างขึ้น ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี 
ประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๒๓  
และถูกทิ้งร้างมานานจน ประมาณปี พ.ศ.๒๔๘๑ 
จึงมีพระภิกษุมาจำพรรษา 
และพยายามหาทุนทรัพย์ เพื่อจะบูรณะพระอุโบสถหลังนี้ขึ้น 
จนในปี พ.ศ.๒๕๕๓ กรมศิลปากร 
จึงได้เข้ามาดำเนินการปฏิสังขรณ์และปรับภูมิทัศน์ 
ทำให้พระอุโบสถใช้งานได้อีกครั้งหนึ่ง  
การจัดสรรงบประมาณครั้งนี้ 
นับเป็นมหากุศล อย่างยิ่งกับทางวัดอู่ตะเภา ?
ขอบคุณ ภาพเก่าประกอบ จาก Google


ตำแหน่งสถานที่ตั้ง วัดอู่ตะเภา ตําบลหัวนา อําเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี



พระประธานในพระอุโบสถ วัดอู่ตะเภา สมัยอยุธยาตอนปลาย (พุทธศตวรรษที่ ๒๓ )



ใบสีมา พระอุโบสถ วัดอู่ตะเภา สมัยอยุธยาตอนปลาย (พุทธศตวรรษที่ ๒๓ )



ภาพถ่ายพระอุโบสถวัดอู่ตะเภา ก่อน พ.ศ.๒๕๑๕



ภาพถ่ายด้านข้าง(ทิศเหนือ) พระอุโบสถ วัดอู่ตะเภา หลัง พ.ศ.๒๕๑๕



ภาพถ่ายพระอุโบสถ (ทิศใต้) วัดอู่ตะเภา หลัง พ.ศ.๒๕๑๕



ภาพถ่ายด้านหน้า (ทิศตะวันออก) พระอุโบสถ วัดอู่ตะเภา หลัง พ.ศ.๒๕๑๕



ภาพถ่ายด้านหลัง (ทิศตะวันตก)พระอุโบสถ วัดอู่ตะเภา หลัง พ.ศ.๒๕๑๕



ปี พ.ศ.๒๔๘๕ นางเม่า หิรัญวงศ์ ได้จ้างนายถมยา ทำการบูรณะพระประธาน“หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์” ในราคา ๔๐ บาท เข้าใจว่า สีที่เขียนฐานพระพุทธรูปองค์ประธาน จะเป็นการเขียนขึ้นในครั้งนี้
(ป้าย เขียนเป็น ปี พ.ศ.๒๕๔๘ จ้างเงินราคา ๔๐ บาท เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...ถ้าแก้ได้ควรแก้)







พ.ศ.๒๕๑๕ ได้มีคณะศิษย์พรหมรังสี มาทอดกฐินสามัคคี สร้างหลังคามุงด้วยสังกะสี เป็นเงินทั้งสิ้น ๔๐,๐๐๐ บาท ทางวัดได้สร้างเหรียญหลวงพ่อวัดอู่ตะเภา เพื่อสมนาคุณ และเป็นที่ระลึกในงานฉลองพระอุโบสถ อ.เดิมบาง จ.สุพรรณบุรี





เหรียญหลวงพ่ออู่ตะเภา รุ่น ๓ องค์ พระเจ้าสิบชาติ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว วัดอู่ตะเภา สุพรรณบุรี



พ.ศ.๒๕๕๓ วัดและกรมศิลปากรได้รับจัดสรรเงินอุดหนุนให้ทำการขุดแต่งและปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ในวงเงิน ๓,๔๙๐,๐๐๐ บาท จัดภูมิทัศน์ อีก ๓ ล้านบาท สำเร็จเรียบร้อยใน ปี พ.ศ.๒๕๕๓




(ด้านหน้า ด้านหลัง) พ.ศ.๒๕๕๓ วัดและกรมศิลปากรได้รับจัดสรรเงินอุดหนุนให้ทำการขุดแต่งและปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ในวงเงิน ๓,๔๙๐,๐๐๐ บาท จัดภูมิทัศน์ อีก ๓ ล้านบาท สำเร็จเรียบร้อยใน ปี พ.ศ.๒๕๕๓



ป้ายประวัติพระอุโบสถวัดอู่ตะเภา




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น