"สทิง สิงขร สงขลา"

๒๔ - ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๕

ตอน : เกาะยอ (๗) วัดพระนอนแหลมพ้อ เกาะยอ สงขลา (๑)

วันศุกร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๕. (วันเกิด)

"วัดแหลมพ้อ" เป็นชื่อที่เรียกตามสภาพของพื้นที่

ที่เป็นแหลมยื่นออกไป และมี "ต้นพ้อ"อยู่เป็นจำนวนมาก

จึงเรียกชื่อวัดกันต่อมาว่า “วัดแหลมพ้อ”

พระครูทิพวาสี ( พรหมแก้ว ) จากวัดท้ายยอ มาดำเนินการก่อสร้าง

ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา

โดยประกาศเป็นพระบรมราชโองการ

เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๓๑

เป็นปีที่ ๒๑ ในรัชกาลที่ ๕

ต่อมา ในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ร.ศ.๑๑๙ (พ.ศ. ๒๔๔๓)

ตรงกับปีที่ ๓๓ ในรัชกาลที่ ๕

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เสด็จลงเรือพระที่นั่งกรรเชียง มีเรือกลไฟเล็กจูงไป

ขึ้นที่ปากน้ำเมืองสงขลา

ผ่านหน้าเมืองไปถึง เกาะยอ เสด็จขึ้นที่สะพาน

ทรงพระราชดำเนินไปประทับบนพลับพลา

ซึ่งพระยาอนันตสมบัติ (เอม ณ สงขลา)

ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาจัดสร้างไว้รับรับเสด็จ

ประทับอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสด็จไปทอดพระเนตร

สวนผลไม้ โรงปั้นหม้อของราษฎรแห่งหนึ่ง

แล้วเสด็จกลับมาประทับพลับพลา เสวยกลางวันที่นั้น

เชื่อกันว่า รัชกาลที่ ๕ เสด็จขึ้นท่าเรือที่บริเวณหน้าวัดแหลมพ้อ นี้เอง

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๗ ปีที่ ๔๙ ในรัชกาลที่ ๙

ทางวัดได้สร้าง พระพุทธรูปปางปรินิพาน องค์ใหญ่ขึ้น

ในลักษณะบรรทม (นอน) ตะแคงเบื้องขวา หลับพระเนตร

พระเศียรหนุนพระเขนย (หมอน)

พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกาย

พระหัตถ์ขวาวางหงายอยู่ข้างพระเขนย

พระบาทซ้ายทับซ้อนพระบาทขวา

ส่วนของพระบาทมีลวดลายภาพมงคล ๑๐๘ ประการ

เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาส

พระมหากษัตริย์ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี (กาญจนาภิเษก )

วัดแหลมพ้อ จึงได้ชื่อ อีกชื่อหนึ่งว่า

"วัดพระนอนแหลมพ้อ"

พลับพลารับเสด็จ ที่ริมป้อมหน้าเมืองสงขลา

ต่อมา ในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ร.ศ.๑๑๙ (พ.ศ. ๒๔๔๓ )

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จลงเรือพระที่นั่งกรรเชียง มีเรือกลไฟเล็กจูงไป ขึ้นที่ปากน้ำเมืองสงขลาผ่านหน้าเมืองไปถึงเกาะยอ เสด็จขึ้นที่สะพาน ทรงพระราชดำเนินไปประทับบนพลับพลา ซึ่งพระยาอนันตสมบัติ (เอม ณ สงขลา) ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาจัดสร้างไว้รับเสด็จ ที่เกาะยอ อีกแห่งหนึ่ง