Best Thai History

Amps

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2565

วัดสทิงพระ ตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย ต่อมาได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยา ตอนที่ 1

 สทิง สิงขร สงขลา"

๒๔ - ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๕

ตอน : วัดสทิงพระ (๑)

วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๕
วัดสทิงพระ ตำนานพระนางเลือดขาว กล่าวว่า 
เจ้าพระยากรงทอง เจ้าเมืองสทิงพาราณสี เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้น 
ส่วนหลักฐานหนังสือกัลปนาหัวเมืองพัทลุงสมัยอยุธยา ระบุว่า
วัดจะทิ้งพระ แยกออกเป็นสองวัด 
โดยมีกำแพงกั้นกลางเป็น ๒ วัด 
วัดแรก คือ วัดสทิงพระ ทางด้านทิศตะวันตก 
มีพระครูวินัยธรรมเป็นเจ้าอธิการ 
หมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายประเพณี 
มีข้าพระ ๕ หัวงาน 
อีกวัดหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก มี 
พระมหาเจดีย์องค์ใหญ่ 
มีพระครูอมฤตย์ศิริวัฒนธาตุ เป็นเจ้าอธิการ 
ขุนธรรมพยาบาลเป็นนายประเพณี 
มีข้าวัด ๕ หัวงาน  
วัดทั้งสองแห่งนี้มีชื่อเรียกร่วมกันว่า “วัดเจ้าพี่” และ “วัดเจ้าน้อง”
โดยขึ้นกับ วัดเขียนบางแก้ว คณะป่าแก้ว หัวเมืองพัทลุง 
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงรวมเป็นวัดเดียวกัน
วัดจะทิ้งพระจึงเป็นวัดสำคัญ
และเก่าแก่คู่บ้านคู่ เมืองสทิงพระ หรือ สทิงปุระ
เมืองเก่าแก่ของเมืองพัทลุงมาแต่โบราณ
เดิมเรียกว่า “วัดสทิงพระ” 
ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น “วัดจะทิ้งพระ“ 
สันนิษฐานว่า สร้างมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย 
ตามประวัติท้องถิ่น กล่าวว่า
พระยาธรรมรังคัลร่วมกับพระครูอโนมทัสสี 
สร้างเมื่อจุลศักราช ๗๙๙ หรือปี พ.ศ. ๑๕๔๒ 
ต่อมาได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่
ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยา 
( มีพระราชกำหนดกฎหมาย กัลปนาวัด ปีมะแม จ.ศ.๙๖๙ ( พ.ศ.๒๑๕๐ ) 
ปีที่ ๓ ในรัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ ) 
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ 
เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ 
ได้เสด็จ วัดจะทิ้งพระ ด้วยในวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๔  
ได้มีพระราชหัตถเลขา
ถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในกรุงเทพฯมหานคร 
ทรงพระราชวิจารณ์ ไว้ว่า 
“จะทิ้งพระ” กร่อนมาจากคำว่า “จันทิพระ” 
ตามสำเนียง - ชาวนอก 
ซึ่งเป็นชื่อของวัดมหายานในเกาะชวา(ประเทศอินโดนีเซีย) 
ส่วนในพจนานุกรม ให้นิยามของ สทิง[สะ] น. 
แปลว่า แม่น้ำ ใช้ว่า จทึง ฉทึง ชทึง ชรทึง สทึง หรือ สรทึง ก็มี. 
(ข. สฺทึง ว่า คลอง).







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น