สทิง สิงขร สงขลา"
๒๔ - ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๕
ตอน : วัดสทิงพระ (๑)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๕
วัดสทิงพระ ตำนานพระนางเลือดขาว กล่าวว่า
เจ้าพระยากรงทอง เจ้าเมืองสทิงพาราณสี เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้น
ส่วนหลักฐานหนังสือกัลปนาหัวเมืองพัทลุงสมัยอยุธยา ระบุว่า
วัดจะทิ้งพระ แยกออกเป็นสองวัด
โดยมีกำแพงกั้นกลางเป็น ๒ วัด
วัดแรก คือ วัดสทิงพระ ทางด้านทิศตะวันตก
มีพระครูวินัยธรรมเป็นเจ้าอธิการ
หมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายประเพณี
มีข้าพระ ๕ หัวงาน
อีกวัดหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก มี
พระมหาเจดีย์องค์ใหญ่
มีพระครูอมฤตย์ศิริวัฒนธาตุ เป็นเจ้าอธิการ
ขุนธรรมพยาบาลเป็นนายประเพณี
มีข้าวัด ๕ หัวงาน
วัดทั้งสองแห่งนี้มีชื่อเรียกร่วมกันว่า “วัดเจ้าพี่” และ “วัดเจ้าน้อง”
โดยขึ้นกับ วัดเขียนบางแก้ว คณะป่าแก้ว หัวเมืองพัทลุง
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงรวมเป็นวัดเดียวกัน
วัดจะทิ้งพระจึงเป็นวัดสำคัญ
และเก่าแก่คู่บ้านคู่ เมืองสทิงพระ หรือ สทิงปุระ
เมืองเก่าแก่ของเมืองพัทลุงมาแต่โบราณ
เดิมเรียกว่า “วัดสทิงพระ”
ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น “วัดจะทิ้งพระ“
สันนิษฐานว่า สร้างมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย
ตามประวัติท้องถิ่น กล่าวว่า
พระยาธรรมรังคัลร่วมกับพระครูอโนมทัสสี
สร้างเมื่อจุลศักราช ๗๙๙ หรือปี พ.ศ. ๑๕๔๒
ต่อมาได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่
ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยา
( มีพระราชกำหนดกฎหมาย กัลปนาวัด ปีมะแม จ.ศ.๙๖๙ ( พ.ศ.๒๑๕๐ )
ปีที่ ๓ ในรัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ )
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้
ได้เสด็จ วัดจะทิ้งพระ ด้วยในวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๔
ได้มีพระราชหัตถเลขา
ถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในกรุงเทพฯมหานคร
ทรงพระราชวิจารณ์ ไว้ว่า
“จะทิ้งพระ” กร่อนมาจากคำว่า “จันทิพระ”
ตามสำเนียง - ชาวนอก
ซึ่งเป็นชื่อของวัดมหายานในเกาะชวา(ประเทศอินโดนีเซีย)
ส่วนในพจนานุกรม ให้นิยามของ สทิง[สะ] น.
แปลว่า แม่น้ำ ใช้ว่า จทึง ฉทึง ชทึง ชรทึง สทึง หรือ สรทึง ก็มี.
(ข. สฺทึง ว่า คลอง).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น