ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา สู่สามโคก-ปทุมธานี
ตอน ๔ : วัดศาลเจ้า
ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.๒๓๑๐ แล้ว
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ทรงตั้งกรุงธนบุรี ขึ้นเป็นศูนย์กลางการปกครอง
และโปรดฯ พระราชทานที่ให้ พระยาเจ่ง พระยาอู่ ตละเกลี้ยง ตละเกล็บ
และชาวมอญ ที่เข้ามาสวามิภักดิ์ ขอพึงพระบรมโพธิสมภาร
ตั้งบ้านเรือนในเขตเมืองนนทบุรีตั้งแต่ปากเกร็ดไปจนถึงสามโคก
ณ เวลานั้น วัดมะขาม อาจชำรุดทรุดโทรมลง
โดยขาดผู้อุปถัมภ์
จึงเป็นจังหวะเวลา ที่กลุ่มมอญที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ใกล้กับวัดมะขาม
จะได้เข้ามาบำรุงและอุปัฏฐากวัด และสร้างวัดใหม่ขึ้นอีกวัดหนึ่ง
ในบริเวณใกล้กับศาลเจ้า ปุนเถ้ากง
จึงปรากฏเจดีย์มอญ อยู่ในวัดมะขามและ วัดศาลเจ้า ด้วย
ในช่วงเวลาเดียวกัน
"ศาลเจ้าปุนเถ้ากง" ปากคลองบางหลวงเขียงราก
ก็ยังมีชาวบ้านชาวเรือ และชาวจีน นับถืออยู่
จนเจริญขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การอุปถัมภ์ ของชาวเรือชาวจีน
ในระยะหลังต่อมา
ชาวจีน ชื่อ แปะกิมเคย หรือ แปะโง้วกิมโคย
นามเดิมของท่านคือ นายกิมเคย แซ่โง้ว เป็นชาวจีน
เกิดที่ตำบลเท้งไฮ้ เมื่อราวปี พ.ศ. ๒๔๔๐ -๒๔๔๑
เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเมื่ออายุได้ราว ๑๐ ขวบ (สมัยรัชกาลที่ ๕ )
ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ค้าข้าวเปลือก
เมื่อตั้งตัวได้ จึงร่วมหุ้นก่อตั้งโรงสีข้าวบริเวณปากคลองบางโพธิ์ล่าง
ปัจจุบันคือ ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมืองปทุมธานี
หลังจากนั้นท่านได้ตั้งกิจการโรงสีของตนเอง
ที่บริเวณปากคลองเชียงราก ใกล้กับวัดศาลเจ้า
พร้อมทั้งได้รับสัญชาติไทย
และเปลี่ยนชื่อเป็นนายนที ทองศิริ
ท่านมีความสำคัญมากต่อการดำเนินงานของวัดศาลเจ้า
ทั้งในเรื่องของการบูรณะซ่อมแซม และจัดการพิธีกรรมต่าง ๆ
ในงานสำคัญของศาลเจ้า
ตั้งแต่ยังเป็นเพียงอาคารไม้เก่า ๆ
ปัจจุบันศาลเจ้าของท่าน
ชาวจีนและคนที่นับถือ หล่อรูปเหมือนของท่าน
และยกย่องให้เป็นเซียน
เรียกว่า “เซียนแปะโรงสี” หรือ “เซียนแปะกิมเคย”
หรือ “เซียนแปะโง้วกิมโคย”
ตั้งอยู่ศาลานที ทองศิริ ภายในวัดศาลเจ้า จังหวัดปทุมธานี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น