วัดพิไชยบุรณาราม ได้นามชื่อวัดนี้ มาอย่างไร เก่าแก่ ตั้งแต่ สมัย รัชกาลที่ ๕
ใช้เวลาไปหลายวัน
ในการติดตามเรื่องของ เมืองอุทัยธานี
ติดเพียง ชื่อ ของ พระยาพิไชยสุนทร ผู้บูรณะ "วัดพิไชยบุรณาราม"
ว่าควรจะเป็นท่านใด
เพราะมี พระยาพิไชยสุนทร หลายท่าน คือ
๑.พระยาพิไชยสุนทร (รอด)ผู้ว่าราชการเมืองอุทัยธานี (ใหม่) ท่านที่ ๑
ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๑๘ (ตรงกับปีที่ ๘ ในรัชกาลที่ ๕)
จนถึง ปี พ.ศ.๒๔๓๒ (ตรงกับปีที่ ๒๒ ในรัชกาลที่ ๕)
และเลื่อนขึ้นไปเป็น
พระยาประธานนคโรทัย (รอด รัตนวราห) จางวางเมืองอุทัยธานี
๒.พระยาพิชัยสุนทร (ชุ่ม) เป็นผู้ว่าราชการเมืองอุทัยธานี (ใหม่) ท่านที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ พ.ค. พ.ศ.๒๔๓๒ (ท่านที่ ๑ พ้นจากตำแหน่ง)
ถึง ๒ ม.ค. พ.ศ.๒๔๔๐ (ตรงกับปีที่ ๓๐ ในรัชกาลที่ ๕ )
๓.พระยาพิไชยสุนทร (ชม รัตนวราหะ)
เป็นผู้ว่าราชการเมืองอุทัยธานี ท่านที่ ๓
ตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๕)
ตรงกับ ปีที่ ๓๐ ในรัชกาลที่ ๕
ถึง วันอังคารที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๔๒ ( ร.ศ.๑๑๘)
(ตรงกับปีที่ ๓๒ ในรัชกาลที่ ๕)
หลังจากนั้น ว่างผู้ว่าราชการเมือง ไป ประมาณ ๒ ปี
โดยใน ปี พ.ศ.๒๔๔๔ เป็นปีที่ ๓๔ ในรัชกาลที่ ๕ )
พระพิทักษ์อุไทยเขตต์ ( จร หรือ จอม ?) เป็น ผู้รั้งราชการเมืองอุไทยธานี
หลวงอนุรักษ์ภักดี (ดั่น) เป็นปลัดเมืองอุไทยธานี
และ พระครูอุไทยทิศธรรมวิไนย เป็น ผู้ว่าที่เจ้าคณะเมืองอุทัยธานี
ในช่วงเวลานั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
เสด็จพระราชดำเนินหัวเมืองฝ่ายเหนือ
พระยาประธานนคโรทัย (รอด รัตนวราห)
ต้องเป็นผู้กำกับการดูแล เมืองอุทัยธานี
จึงต้องออกไปรอรับเสด็จ
ที่พลับพลาท่าฉนวน อำเภอมโนรมย์ เมืองไชยนาท
วันพุธที่ ๙ ตุลาคม ร.ศ.๑๒๐ (พ.ศ.๒๔๔๔)
เสด็จ ออกจากพลับพลา อำเภอมโนรมย์ เมืองไชยนาท
ไปประทับที่พลับพลาท้ายเมือง
ใกล้ที่ว่าการเมืองอุทัยธานี ซึ่ง "ปลูกใหม่"
ได้พระราชทานพระแสงราชศาสตรา เครื่องราชอิสริยาภรณ์
และเสมา แก่ข้าราชการเมืองอุไทยธานี
เมื่อเสด็จแล้วก็ประทับเสวยกลางวันในที่นั่น
ต่อมาอีก ประมาณ ๑ เดือน ก็มีพระบรมราชโองการ ให้
พระพิทักษ์อุไทยเขตต์ ( จร หรือ จอม ?)
เป็น พระยาพิไชยสุนทร (จร หรือ จอม ?)
ผู้ว่าการเมืองอุทัยธานี ท่านที่ ๔
ตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๔ (ร.ศ.๑๒๐)
ตรงกับ ปีที่ ๓๔ ในรัชกาลที่ ๕
ถึง วันพฤหัสบดี ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๗ ( ร.ศ.๑๒๓)
(ตรงกับปีที่ ๓๗ ในรัชกาลที่ ๕)
พระสําเริงนฤปการ (ชอุ่ม) น่าจะเป็นผู้รั้ง หรือ รักษาราชการ
ผู้ว่าการเมืองอุทัยธานี ท่านต่อมา
ตั้งแต่ วันศุกร์ ที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๗ ( ร.ศ.๑๒๓)
(ตรงกับปีที่ ๓๗ ในรัชกาลที่ ๕) เมื่อท่านผู้ว่าฯ ท่านที่ ๔ หมดวาระ
แต่ในช่วงเวลาที่พระสำเริงนฤปการ รักษาราชการเป็นผู้ว่าฯ นั้น
ในวันศุกร์ที่ ๑๐ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๕ ( พ.ศ.๒๔๔๙ )
ตรงกับปีที่ ๓๙ ในรัชกาลที่ ๕ เวลา ๒ โมงเช้า
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จประพาสต้น ( เสด็จส่วนพระองค์)
ออกเรือ ถึงที่ว่าการอำเภอมโนรมย์ ๕ โมงเช้า
เสด็จลงเรือมาด เข้าคลองสะแกกรัง ทำกับข้าวแล้วเสวย
ช่วงบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จลงเรือไปเหนือน้ำ
ทรงหยุดถ่ายรูปประพาสตลาด
เสด็จกลับ ลงมาแวะที่หน้าวัดโบสถ์
พบพระครูสุนทรมุนี (จัน) เจ้าคณะใหญ่เมืองอุทัยธานี
แล้วเสด็จกลับมาเมืองมโนรมย์
ไม่ทราบว่า มีเหตุอะไรเกิดขึ้น
เพราะในปีถัดมา ( พ.ศ.๒๔๕๐ )
วันเสาร์ที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ (ร.ศ.๑๒๖)
(ตรงกับปีที่ ๔๐ ในรัชกาลที่ ๕)
การเปลี่ยนตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองอุทัยธานี
จึงใช้ ถ้อยคำในทางราชการ ว่า
"รับราชการสนองพระเดชพระคุณมาช้านานแล้ว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต
ให้พักราชการเสียคราวหนึ่ง"
และโปรดเกล้าให้ พระไชยนฤนาท (ม.ล.อั้น เสนีวงศ์) ไปเป็น
พระยาพิไชยสุนทร (ม.ล.อั้น เสนีวงศ์)
ผู้ว่าราชการเมืองอุไทยธานี ท่านที่ ๕
เมื่อพิจารณาพระธาตุเจดีย์ที่สร้างขึ้นหน้า
วิหารวัดพิไชยบูรณาราม กับพระธาตุเมืองชัยนาท ประกอบแล้ว
อาจใช้เป็นข้อสรุป ได้ว่า "วัดพิไชยบุรณาราม"
ได้นามชื่อวัดนี้ตามผู้ว่าฯ ท่านใด ระหว่าง
พระยาพิไชยสุนทร (รอด รัตนวราห) ผู้ว่าฯเมืองอุทัยธานี ท่านที่ ๑
หรือ พระยาพิไชยสุนทร (ม.ล.อั้น เสนีวงศ์) ผู้ว่าฯเมืองอุทัยธานี ท่านที่ ๕
วัดพระบรมธาตุวรวิหาร จังหวัดชัยนาท
พระยาพิชัยสุนทร (รอด รัตนวราห) (รัตนวราหะ) ตำแหน่ง ผู้ว่าราชการเมืองอุทัยธานี (ใหม่) ท่านที่ ๑ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๑๘ (ปีที่ ๘ ในรัชกาลที่ ๕) จนถึง ปี พ.ศ.๒๔๓๒ (ปีที่ ๒๒ ในรัชกาลที่ ๕) ตำแหน่งสุดท้าย คือ พระยาประธานนคโรทัย (รอด รัตนวราห) (รัตนวราหะ)จางวางเมืองอุทัยธานี
พระไชยนฤนาท (ม.ล.อั้น เสนีวงศ์) จากเมืองชัยนาท มาเป็นพระยาพิไชยสุนทร (ม.ล.อั้น เสนีวงศ์) ผู้ว่าราชการเมืองอุทัยธานี ท่านที่ ๕ ตั้งแต่ วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ (ร.ศ.๑๒๖) (ปีที่ ๔๐ ในรัชกาลที่ ๕) และว่าราชการเมืองอุทัยธานี มาจนถึง พ.ศ.๒๔๕๖ ( ปีที่ ๔ ในรัชกาลที่ ๖ ) ตำแหน่งสุดท้าย คือ อำมาตย์เอก พระยายอดเมืองขวาง (ม.ล.อั้น เสนีวงศ์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น