Best Thai History

Amps

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2564

วัดสระเนินพระราม จ.ชัยนาท ในรัชกาลที่ ๖ ไม่เก่าไปกว่า พ.ศ.๒๓๒๕ หรือ ปีที่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์

 วัดสระเนินพระราม จ.ชัยนาท ในรัชกาลที่ ๖ ไม่เก่าไปกว่า พ.ศ.๒๓๒๕ หรือ ปีที่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์

“วัดสระเนินพระราม” จ.ชัยนาท
ออกจากวัดบ้านกลำ 
เลยไปตามถนนสายเดียวกัน ประมาณ ๓.๕ กม. 
ก็ถึง "วัดสระเนินพระราม"
สิ่งที่จะไปดู คือ "ปรางค์" อยู่ริมสระน้ำ นอกประตูวัด
ต้องข้ามถนนไปดูจึงเห็น
มีดินเกรดใหม่ ถมยาวไปจนสุดขอบสระน้ำ
มีเจดีย์ทรงปรางค์ ขนาดเล็กองค์หนึ่ง 
เห็นตั้งแต่เรือนธาตุและยอดฝักข้าวโพด...โผล่ขึ้นมา 
ที่ส่วนเรือนธาตุมีซุ้มคูหาทั้งสี่ด้าน 
ไม่มีประตูและบันได
ในซุ้มคูหา ด้านทิศใต้ 
มีรูปพระสังกัจจายน์ ไม่มีศีรษะ 
ทำด้วยหินประดิษฐาน อยู่ ๑ องค์ 
ส่วนอีกสามด้าน ไม่ปรากฏให้เห็น 
ส่วนยอดที่เป็นทรงกระบอกฝักข้าวโพดนั้น 
ยังมีซุ้มบันแถลงและกลีบขนุน เรียบ ๆ อย่างชัดเจน  
จากความสูงของเจดีย์ทรงปรางค์นี้  
เมื่อประมาณจากพื้นที่ควรเป็นชั้นที่ตั้งของเจดีย์ทรงปรางค์นี้แล้ว 
ไม่อาจคาดเดาฐานได้ว่า รูปทรงเป็นเช่นไร 
คงเป็นปริศนา ให้คิดต่อไป
จากการสืบหา ใน google พบว่า
เมื่อ เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ นี้ 
วัดสระเนินพระราม ได้มีกิจกรรม "ร่วมทำความดีถวายพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙" 
นำโดย เจ้าอาวาสวัดสระเนินพระราม,พระลูกวัด,ชาวบ้านหมู่ที่.๖
ร่วมกันปรับภูมิทัศน์บนคันสระน้ำให้ดูสะอาดสวยงาม
จากประวัติของวัดสระเนินพระราม  ได้กล่าวถึง 
หลวงพ่อจอน สิริจันโท 
ภูมิเกิดเป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี 
เป็น พระอาจารย์องค์หนึ่งของ เสด็จกรมหลวงชุมพรฯ
ท่านได้เดินธุดงค์จากทางภาคเหนือจะลงไปภาคใต้ 
ได้มาพบพระปรางค์เก่าบนเนินดินริมสระน้ำ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นรอบ 
จึงปักกลด ลง ณ ที่บริเวณนั้น 
ชาวบ้านต.บ้านกรวด และ ตำบลบ้านเชียร 
เห็นพระธุดงค์มาปักกลด ก็ดีใจ 
พากันมาทำบุญกับพระอาจารย์ จอน สิริจันโท
และนิมนต์ให้ท่านสร้างวัดขึ้นในเขตบ้านของตน 
แต่ไม่เป็นที่ตกลงกันได้ วาจะสร้างในที่ตรงไหน
ต่อมาได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในบริเวณที่ พระอาจารย์ จอน ปักกลด เป็นที่น่ากลัว
แต่ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน มองเห็น
พระอาจารย์จอน เดินจงกรม อยู่ในท่ามกลางแห่งไฟ นั้น 
เป็นที่อัศจรรย์ จึงเกิดเป็นศรัทธาเลื่อมใสร่วมกัน 
สร้างวัดขึ้นในที่ของปู่ยา และย่าสา อยู่เย็น 
และตั้งชื่อวัดว่า “วัดสระเนินพระราม” 
ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ได้ ๕ พรรษา 
ธุดงค์ไปอยู่ที่อื่น อีก ๗ ปี 
จึงกลับมาที่วัดสระเนินพระราม ในวัยชราภาพ
พร้อมด้วยสามเณรแดงอีก ๑ รูป 
ช่วยกันบูรณะปฏิสังขรณ์วัดสระเนินพระราม 
และมอบหมายให้สามเณรแดง ซึ่งบวชเป็นพระแล้ว ดูแล 
จากนั้น ท่านก็เดินทางกลับไปบ้านท่าจาย จ.สุราษฎร์ธานี 
ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน  
และไปมรณภาพที่วัด ดอนรวบ จ.ชุมพร 
ใน ปี พ.ศ.๒๔๘๒ เมื่อ อายุ ๙๐ ปี
จากภาพประกอบกิจกรรม แสดงให้เห็น ว่า
เจดีย์ทรงปรางค์ องค์นี้ คือ "ปรางค์" ที่ พระอาจารย์ จอน สิริจันโท
มาปักกลด อยู่ในครั้งนั้น และควรอยู่ในบริเวณ วัดบ้านกรำใต้
หากนับตามอายุและเหตุการณ์ แล้ว 
แสดงให้เห็นว่า ณ ที่แห่งนี้ เคยมีวัดมาก่อน คือ "วัดบ้านกรำใต้"
และควรมี อายุ ไม่ต่ำกว่า
พ.ศ.๒๔๖๖ (ปีที่ ๑๔ ในรัชกาลที่ ๖ ) หรือ 
ปีที่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สิ้นพระชนม์
และ ไม่เก่าไปกว่า พ.ศ.๒๓๒๕ หรือ ปีที่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์  
ส่วนดินที่นำมาถมและทิ้งให้รกร้าง นั้น 
คงต้องสอบสวนกันต่อไปอีก


ตำแหน่งที่ตั้งของเจดีย์ทรงปรางค์ ริมสระน้ำ (วัดบ้านกรำใต้(ร้าง) และ วัดสระเนินพระราม จ.ชัยนาท




สภาพดั่งเดิม ของ "สระเนินพระราม" และเจดีย์ทรงปรางค์ ก่อนการ ทำความสะอาด ปรับปรุงพื้นที่ เมื่อ เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ (ภาพจาก google)




การทำความสะอาด ปรับปรุงพื้นที่ เมื่อ เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ (ภาพจาก google)





เจดีย์ทรงปรางค์ วัดบ้านกรำใต้(ร้าง) วันเสาร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๔


พระสังกัจจายน์ หิน ในซุ้มเจดีย์ทรงปรางค์ วัดบ้านกรำใต้(ร้าง) วันเสาร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๔




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น