อัตชีวประวัติ ปฏิพัฒน์(วัชรินทร์)
ชีวิตรับราชการ ช่วงที่ ๓
ตอน "คุกขี้ไก่ อ.แหลมสิงห์ "
ปี พ.ศ. ๒๔๓๖ หรือ ร.ศ. ๑๑๒
เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี
ในกรณีพิพาทกันด้วย เรื่องดินแดน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
ระหว่างนั้น กองทหารฝรั่งเศสประมาณ ๖๐๐ คน
แยกกันอยู่สองแห่ง
แห่งแรกตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี บริเวณ ที่เป็นค่ายทหารในปัจจุบัน
อีกแห่งอยู่ที่ปากน้ำแหลมสิงห์
ที่ปากน้ำแหลมสิงห์ ยังคงเหลือ "คุกขี้ไก่"
ที่มีลักษณะ เป็นป้อมรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสลบเหลี่ยม
ก่อด้วยอิฐ กว้าง ๔ ม. สูง ๑๐ ม.
หลังคาเดิมเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้องทรงพีระมิด
มีประตูทางเข้าออกหนึ่งช่อง
ด้านบนเป็นช่องระบายลม รอบป้อมมีน้ำล้อม
ใช้เป็นป้อมปืนและป้อมตรวจการณ์ปากน้ำแหลมสิงห์
ชาวบ้านเรียกว่า "ป้อมฝรั่งเศส"
ต่อมา ใช้เป็น ที่กักขัง นักโทษ
ทั้งทหารญวน คนจีนคนในบังคับของฝรั่งเศส
รวมทั้งคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส ด้วย
โดยขังคนไว้ด้านล่าง
ด้านบนเลี้ยงไก่เพื่อให้ถ่าย ใส่นักโทษ
คุกนี้เลิกใช้งานเมื่อทหารฝรั่งเศส
ถอนกำลังออกจากเมืองจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๗
ฝรั่งเศสใช้งานดึกแดงเป็นที่บัญชาการ
และใช้ "คุกขี้ไก่" มาจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๔๗ (๑๑ ปี เต็ม)
ได้สิ่งที่ต้องการจนครบ
ไม่ว่าจะเป็นดินแดนที่เคยเป็นเมืองขึ้นของไทย
และเงินค่าเสียหายที่ฝรั่งเศสเรียกร้อง
นายไกรฤกษ์ นานา ได้เขียนไว้ใน บทความ
เรื่อง “เงินถุงแดง” อิสรภาพไทยแลกด้วยค่าไถ่ 3 ล้านฟรังก์ ร.ศ. 112 หาเงินจากไหนให้ฝรั่งเศส"
ลงใน ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนกรกฎาคม 2546
ข้อความบางตอน ว่า
"สมเด็จฯ กรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์
กราบทูลพระปิยมหาราช ว่า
ได้จ่ายเงินให้ฝรั่งเศสเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๔๖
คิดเป็นเงินไทยรวม ๑,๖๐๕,๒๓๕ บาท กับอีก ๒ อัฐ
ซึ่งใกล้เคียงกับที่พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ทรงบันทึกไว้
ในหนังสือ ชื่อเจ้าชีวิตว่า
“ไทยยอมเสียค่าปรับเป็นเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ ฟรังก์เหรียญทอง”
(เท่ากับราว ๑,๕๖๐,๐๐๐ บาทในสมัยนั้น)
จึงขออนุมานว่า ไทย ต้องจ่ายเงินบาท
เป็นค่า "ไถ่บ้านไถ่เมือง"ในครั้งนี้เป็นจำนวนเงิน
“หนึ่งล้านหกแสนห้าพันกว่าบาท” "
ขอบคุณ ภาพประกอบจาก google
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น