อัตชีวประวัติ ปฏิพัฒน์ (วัชรินทร์)
ภาค รับราชการ
ขุดแต่งโบราณสถาน วัดปรางค์ทอง
บ้านพุทรา อำเภอเมือง จังหวัดนครราขสีมา
ตอนที่ ๑ : เมื่อข้าพเจ้าต้องเป็นหมอผีจำเป็น
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๑
วันนี้ เป็นวันหยุดราชการ เพื่อความเข้าใจอันดี
ระหว่างภาครัฐกับประชาชนชาวบ้านพุทรา
จึงจัดรถหน่วยฯ ที่ มี จำนวน ๒ คัน
คือ รถแลนด์โรเวอร์ ๑ รถบรรทุก ดัมพ์สีเหลือง อีก ๑ คัน
บรรทุกชาวบ้านที่สมัครใจ
พาไปเที่ยวชม ปราสาทหิน พิมาย
ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุ ถูกรถที่ชนกัน คันหนึ่งเข้ามากระทบข้างรถ
ไม่มีใครเป็นอะไร รถเสียหายเพียงฝาถังน้ำมันบุบนิดหน่อย
ส่วนรถคู่กรณี ๒ คัน ๆ ที่ชน คนขับหนี
ส่วนคันที่ถูกชนคว่ำ มีคนเสียชีวิต ๑ คน
สุดท้าย รถเรารอดปลอดภัย ไปจนถึงพิมาย
ทุกคนเที่ยวด้วยกันอย่างสนุกสนาน และมีความสุข
เย็นกลับถึงบ้านพุทราแล้ว แยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อไปถึง มีชาวบ้านมาบอกว่า
มีเด็กมาเล่นที่บริเวณปรางค์ ที่คณะของข้าพเจ้าทำงานอยู่
กลับไปถึงบ้าน มีอาการเหมือนถูกผีเข้า
ผิดปรกติ นัยตาแข็งกร้าว ไม่พูดไม่จา
อยากให้ข้าพเจ้าไปช่วยดูอาการ
ข้าพเจ้าก็ก็ตามที่ร้องขอ เมื่อขึ้นไปบนบ้าน
เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ น่าจะประมาณ ๑๐ กว่าขวบ
นั่งซึมเงียบอยู่ที่มุมบ้าน
เมื่อเห็นเช่นนั้น...ไม่รู้เหมือนกัน ว่า เธอเป็นอะไร ?
แต่ในเมื่อชาวบ้าน (มอญ) เชื่อว่า "เด็กถูกผีเข้า"
ก็จะขอลองวิชาสักเล็กน้อย
จึงขอให้ตักน้ำใส่ขัน มาให้ แล้ว
ถอดสร้อยคอที่แขวนพระสมเด็จพุทธาจารย์ (โต)
จุ่มลงไปในน้ำ
ภาวนาคาถา ๒ บท
คือ กรณียเมตตสูตร
และ คาถาชินปัญชร
แล้วนำสร้อยคอที่แขวน
พระสมเด็จฯ พิมพ์ "อกครุฑเศียรบาตร"
พระประจำตัว จาก คุณตา ร.ต. เฉื่อย ศิรินุต
ตกทอดมาถึงข้าพเจ้า
สวมลงไปที่เด็กหญิงนั้น
อุแม่เจ้า....เด็กกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน แล้วก็พับลง
เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา เธอหายเป็นปรกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พ่อแม่เธอดีใจมาก โอบกอดลูกด้วยความรู้สึกว่า
ลูกปลอดภัยแล้ว
ข้าพเจ้าให้นำน้ำมนต์ที่ข้าพเจ้าได้ภาวนาพระคาถา ๒ บท
ระหว่างจุ่มพระสมเด็จฯลงไปเวียนวนกับน้ำในขันนั้น
เอาไปอาบให้เด็ก ก่อนจะเข้านอนอีกครั้ง
เสร็จภารกิจแล้ว ข้าพเจ้าจึงถอดสร้อยคอออกจากเด็ก
จะขอตัว จะกลับไปพักที่วัดตามปรกติ
พ่อแม่เด็กออกปากขอ
พระที่ใช้คล้องคอไว้จะได้ไหม ?
เพื่อ ผีมันกลับมาเข้าสิงอีก จะไม่มีอะไรป้องกันตัว
หมอผีจำเป็น มึนไปเลย...อิ อิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น