Best Thai History

Amps

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564

ประวัติ พระมหาธาตุ เมืองแสนล้านช้าง

อัตชีวประวัติ ปฏิพัฒน์ (วัชรินทร์)

ภาค หัวหน้าหน่วยศิลปากร ที่ ๖ พิมาย

ตอนที่ ๒๐ : พระมหาธาตุ เมืองแสนล้านช้าง

วันเสาร์ที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๑
ออกจาก วัดธาตุตาดทอง ยโสธร 
เดินทางต่อไป อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด
เพื่อตรวจสอบโบราณสถาน 
เลขที่ ๑๑ “วัดกลาง บ้านพนมไพร หรือ (วัดกลางอุดมเวทย์ )  
ตามบัญชีสิ่งสำคัญ มี โบราณสถาน ที่เป็น ธาตุเจดีย์ ก่ออิฐ ๒ องค์  
ชำรุด  ยอดหักเหลือเพียงชั้นคูหา  
วัดนี้ มีประวัติ กล่าวย้อนหลัง ไป 
ตั้งแต่ชนชาวพื้นเมืองดั่งเดิม ที่เป็น “ชาวข่า” 
ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่เป็นชุมชนใหญ่ 
เรียกชื่อหมู่บ้านของตนเองว่า “จะแจ” หรือ “บ้านแก” 
จนต่อมา มีพระภิกษุ ๒ รูป มีนามว่า 
พระครูมหารัตนชัยยะ และ พระครูมหาปะสะมัน 
ได้เดินธุดงค์ออกจากเมืองอินทปัฐถานคร (ประเทศกัมพูชา) 
ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา 
ที่เมืองมรุกขนคร เมืองหลวงของแคว้นโคตรบูรณ์ 
(คาดว่าอยู่ในท้องที่จังหวัดนครพนมปัจจุบัน) 
เมื่อพระครูทั้งสองรูปผ่านมาถึงบ้านจะแจ หรือบ้านแก  
ได้ปักกลดพักผ่อนอยู่ชายป่าท้ายบ้าน
ชาวบ้านทราบข่าวและเกิดความเสื่อมใสศรัทธา 
จึงนิมนต์ให้อยู่ที่บ้านแก 
พระครูมหาปะสะมัน รับนิมนต์อยู่ที่บ้านแก 
ส่วน พระครูมหารัตนชัยยะได้เดินธุดงค์ไปเมืองมรุกขนคร ต่อไป
หลังจากพระครูมหาปะสะมัน 
สร้างความเป็นปึกแผ่น ในพระพุทธศาสนา 
สร้างวัดไว้ให้กับ ชาวข่า บ้านแก วัดหนึ่ง 
เรียกชื่อตามพระภิกษุผู้สร้าง ว่า “วัดปะสะมัน”   
หลังจาก พระครูมหาปะสะมัน ออกเดินธุดงค์
ตามพระครูมหารัตนชัยยะไปยังเมืองมรุกขนคร 
และไม่ได้กลับมาอีก 
จนต่อมา มี พระภิกษุชาวเวียงจันทน์  
นาม “พระครูยอดแก้ว”หรือ”พระลูกแก้ว” 
นำพาชาวลาวอพยพข้ามลำน้ำโขงเข้าสู่ดินแดนดินแดนแห่งนี้ 
เห็นว่า ดินแดนบ้านแก ของชาวข่า  เป็น ชุมชนใหญ่ 
เหมาะสมที่จะตั้งถิ่นฐานที่นี้  
จึงได้พากันตั้งรกรากอยู่ปะปนกับชาวข่า  
ดังนั้น จากชุมชนบ้านแก 
ได้พัฒนาการเป็น ชุมชนใหญ่ เรียกว่า “เมืองแสนล้านช้าง” 
และ พระครูยอดแก้วได้เปลี่ยนชื่อวัด 
จาก ชื่อ “วัดปะสะมัน” เป็น  “วัดโพธิ์” 
นอกจากนั้น พระครูยอดแก้ว 
ยังได้เดินทางไปขอแบ่งชิ้นส่วนของพระอุรังคธาตุ มาจาก "ภูกำพร้า"
(วัดพระธาตุพนม)
นำมาประดิษฐานไว้ที่ วัดโพธิ์   
และสร้างพระสถูปเจดีย์เพื่อบรรจุชิ้นส่วน ของ
"พระอุรังคธาตุ" 
 และ พระพุทธรูปที่ได้อัญเชิญมาจากภูกำพร้า 
พระเจดีย์  องค์นี่ คือ องค์พระมหาธาตุในปัจจุบัน 
และอีกองค์ สร้างศาลาคลุมไว้ 
ซึ่งต่อมา ได้เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง
ของชาวอำเภอพนมไพร และอำเภอใกล้เคียงต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ 
จากซากโบราณสถาน และใบเสมา 
พอจะอนุมาน ได้ว่า พระมหาธาตุเจดีย์ ที่วัดกลาง 
เป็นศาสนสถาน ที่สร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๒ สมัยอยุธยา
เมื่อมีชาวลาวล้านช้าง 
อพยพเข้ามาบนฝั่งตะวันตกแม่น้ำโขงมากขึ้น 
ร่วมสมัยกับการสร้าง "พระธาตุพนม"  เมืองนครพนม 
ชาวล้านช้างกลุ่มนี้ ได้เข้ามาปะปน
อยู่ร่วมกับชนพื้นเมืองเดิม คือ “ชาวข่า” มากขึ้น 
จนตั้งเป็นชุมชนเมืองขึ้น ว่า  “เมืองแสนล้านช้าง”
ขอบคุณ ภาพประกอบจาก Googleเมื่อ


โบราณสถาน เลขที่ ๑๑ “วัดกลาง บ้านพนมไพร หรือ (วัดกลางอุดมเวทย์ ) ตามบัญชีสิ่งสำคัญ มี โบราณสถาน ที่เป็น ธาตุเจดีย์ ก่ออิฐ ๒ องค์ ชำรุด ยอดหักเหลือเพียงชั้นคูหา



ตำแหน่งที่ตั้ง วัดกลาง บ้านพนมไพร หรือ (วัดกลางอุดมเวทย์ ) อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด





พระสถูปเจดีย์ เดิม ที่บรรจุส่วนแบ่ง
ของ "พระอุรังคธาตุ"
ปัจจุบัน สร้างพระมหาธาตุ องค์ที่เห็นในปัจจุบันครอบไว้
วัดกลาง บ้านพนมไพร หรือ (วัดกลางอุดมเวทย์ ) อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด


พระมหาธาตุ องค์ที่เห็นในปัจจุบันครอบพระธาตุเจดีย์องค์เดิม ไว้
วัดกลาง บ้านพนมไพร หรือ (วัดกลางอุดมเวทย์ ) อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด


พระสถูปเจดีย์ เดิม ที่บรรจุส่วนแบ่ง
ของ พระพุทธรูปที่ได้อัญเชิญมาจากภูกำพร้า
ปัจจุบัน สร้างศาลาครอบไว้
วัดกลาง บ้านพนมไพร หรือ (วัดกลางอุดมเวทย์ ) อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด


วัดกลางอุดมเวทย์และชาว อำเภอพนมไพรได้พากันจัดงานเพื่อสมโภช ปีละ ๒-๓ ครั้ง ได้แก่ ในวันเพ็ญ เดือน ๓ ทางวัดและชาวอำเภอพนมไพรได้จัดงานเทศกาลบุญเดือน ๓ เพื่อเฉลิมฉลององค์พระมหาธาตุ และในวันเพ็ญเดือน ๗


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น