Best Thai History

Amps

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ลางสังหรณ์ แห่งการสูญเสีย

อัตชีวประวัติ ปฏิพัฒน์(วัชรินทร์) (ต่อ)
ชีวิตนักโบราณคดี
ตอน : เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเสียบิดาบังเกิดเกล้า

ข้าพเจ้ายังทำงานที่ เตาทุเรียง จังหวัดสุโขทัย

ไม่เสร็จเรียบร้อย

แต่คิดอย่างไร ไม่ทราบ

อยากจะกลับบ้าน ที่กรุงเทพฯ

เมื่อมาถึงบ้าน ( วันศุกร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๙)

ได้ทราบจากแม่ ว่า 

"พ่อไม่ค่อยสบาย อยากให้พาพ่อไปหาหมอ"

เมื่อขึ้นไปหาพ่อที่บนห้อง 

พ่อร้องไห้ บอกว่า "พ่อไม่เป็นอะไร พ่อหายแล้ว"  

ข้าพเจ้าเองก็นอนใจ 

เพราะพ่อเคยมีอาการเช่นนั้นเสมอ 

พอจะพาไปหาหมอจริง ๆ จัง ๆ 

ก็ไม่ยอมไปหาหมอ เพราะพ่อบอก "พ่อไม่ชอบหมอ"

วันจันทร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๙

ข้าพเจ้าไปติดต่อราชการ ที่กองโบราณคดี ทั้งวัน

หลังจากกลับมาถึงบ้าน ดึกแล้ว

ก็เข้าไปปล้ำพ่อ ในมุ้ง

พ่อชวนนอนด้วย ...

แต่ข้าพเจ้า ปฏิเสธ  แล้วออกมาปูที่นอน อยู่ข้าง ๆ มุ้งพ่อ

วันอังคารที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๙

๐๓ น. เศษ พ่อตื่น บ่นหายใจไม่ออก 

ลุกจะไปเข้าห้องน้ำ 

พี่ออด ที่นอนอยู่กับแม่ในห้องติดกัน

ได้ยินเสียง ก็ตามออกมาดูพ่อ 

แต่ไม่ทันการ เสียแล้ว

พ่อเป็นลมตกบันไดหลายขั้น ลงไปกองอยู่ข้างล่าง 

พวกเราเข้าไปช่วยประคองพ่อ ลงมาพักที่เตียง 

ช่วยกันบีบนวด จนรู้สึกว่า 

ชีพจรจะเต้นและมีลมหายใจอ่อน ๆ  (อาจจะเป็นความรู้สึก)  

แม่ให้คนไปตามหมอ ชูศักดิ์ แต่ไม่อยู่  

จึงเรียกรถแท็กซี่ 

คันแรกไม่ยอมรับ 

คันที่ ๒ รับพาไปส่งที่โรงพยาบาลศิริราช 

โดยมี พี่พงษ์ศักดิ์ (นักมวย) 

สามีพี่ดา ร้านขายก๋วยเตี๋ยว 

ช่วยเหลืออุ้มพ่อขึ้นรถ 

ข้าพเจ้า,พี่ออด,แจ๋ว และพี่พงษ์  

ไปพร้อมกับพ่อ 

เมื่อถึงโรงพยาบาลศิริราช 

พาพ่อเข้าห้องฉุกเฉิน  

หมอแจ้งว่า พ่อหมดลมมาก่อนถึงโรงพยาบาล แล้ว,

ความตายเป็นของธรรมดา 

ไม่วันใดวันหนึ่ง คนที่เรารัก ก็จะต้องตาย 

และสักวันหนึ่งก็จะมาถึงตัวเราเอง 

ความเสียใจ ไม่ได้ช่วยทำให้พ่อฟื้นขึ้นมาได้ 

พ่อเคยสอนอยู่เสมอว่า 

“ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย”  

ตอนนี้ก็มาถึงแล้ว เพราะเรา "ประมาท" 

เห็นว่า พ่อ ไม่เป็นอะไร มาก 

รวมทั้งพ่อเองก็ตกอยู่ในความมัธยัสถ์ 

และกลัวหมอจนเกินไป 

กลายเป็นความประมาทจนต้องเสียชีวิตดังกล่าว

ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะว่าอย่างไร 

นอกจากรู้ว่า 

บัดนี้ พ่อเราตายแล้วจริง ๆ 

ตอนนี้ข้าพเจ้าไม่มีพ่อแล้ว 

เหลือแต่แม่และพี่ออด เท่านั้น  

แม่คงจะว้าเหว่ 

ทั้ง ๆ ที่เมื่อเวลาอยู่ก็ขับเคี่ยวเคี้ยวฟันกัน

ทั้งวันและทุกวัน

๔๔ ปีแล้วที่พ่อจากไป

แม่,พี่ออด และ แจ๋ว ก็ตามไปอยู่กับพ่อแล้ว

และก็คงอีกไม่นาน 

ที่ข้าพเจ้าจะติดตามพ่อ

ไปอยู่ในโลกแห่งสัจธรรม 

ไม่วุ่นวายเหมือนโลกในปัจจุบัน.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น