Best Thai History

Amps

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ ได้แบบมาจากไหน

วัตรปฏิบัติ บางวัน

ในการเรียนโบราณคดี รอบสอง

ตอน : เรียนไป - คิดไป

เจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ ได้แบบมาจากไหน ?

เรื่องของเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์

เป็นที่ถกเถียงกันมานานแล้ว
ถึงรูปทรงของเจดีย์ลักษณะแบบนี้ ว่า
เป็นลักษณะที่เป็นแบบของใครมาก่อน
ใครเป็นผู้ให้อิทธิพลทางศิลปะเช่นนี้

ซึ่งต่อมา เรียกกันว่า เป็น เจดีย์แบบพุ่มข้าวบิณฑ์

คำว่า “พุ่มข้าวบิณฑ์”
เป็นชื่อที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ทรงตั้งขึ้นในระยะหลัง
เพราะทรงเห็นว่า เค้าโครงของเจดีย์
ตอนบนมีลักษณะใกล้เคียงหรือเหมือนกับ

ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ นั้นเองเป็นเหตุ

ในครั้งแรก ข้าพเจ้าอยากคิดว่า

เจดีย์ทรงนี้เป็นเจดีย์ที่เริ่มมีขึ้น
ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง
หรือ ก่อนสมัยพ่อขุนรามคำแหง
คือ ในสมัยพ่อขุนบางกลางท่าว และ พ่อขุนผาเมือง เป็นปฐม

โดยยึดเอาการที่ไทปลดอำนาจจากขอม
และตั้งตนเป็นเอกราชขึ้น

ตลอดทั้งต่อมา ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหง
ก็ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไท ขึ้น
เป็นลักษณะพิเศษที่ผิดแผกไปจากลักษณะดั่งเดิม
ของอักษรขอม

จึงเลยติดเหมา รวม ว่า
ลักษณะในทางด้านสถาปัตยกรรม
ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปงในระยะนี้ด้วย

แต่ หลักฐานทางด้านศิลาจารึก
มิได้ให้ความสนับสนุน
กับความคิดดั่งเดิมของข้าพเจ้าเลย

จึงต้องเปลี่ยนความคิดมาในแนวอีกทางหนึ่ง ว่า
เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้น
ในสมัยหลังจากพ่อขุนรามคำแหง ลงมาแล้ว

อาจจะเป็นระยะหลังจากที่ได้รับอิทธิพล
ของพุทธศาสนา ลัทธิลังกาวงศ์ ที่เข้ามาด้วยก็ได้

ซึ่งอาจกำหนดอายุให้อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ลงมา

ดูจะได้เหตุผลสนับสนุนจาก
ศิลาจารึกอยู่ด้วยกันหลายหลัก
ที่พอจะใช้เป็นหลักฐานได้บ้าง อาทิเช่น

“การสร้างพระเจดีย์ให้ไว้แก่ฝูงท้าวพระยาทั้งหลายในเมืองศรีสัชนาลัย”
ซึ่งอาจจะเป็น “วัดเจ็ดแถว” ก็ได้

เค้าโครงหรือร่องรอยที่แสดงให้เห็นในระยะเริ่มต้น
อาจได้มาจาก “วัดน้อย” อ.ศรีสัชนาลัย สุโขทัย
และ “วัดเจดีย์ทอง” พิษณุโลก

เพราะ ณ ที่ทั้งสองแห่งนี้
ยังปรากฏร่องรอยของความเป็น

ปราสาท "ปรางค์"อยู่มากพอสมควร เช่น

ส่วนที่เป็นก้านของดอกบัวตูม นั้น
มีซุ้มทั้งสี่ทิศ มีพระพุทธรูปอยู่ในซุ้ม ที่วัดน้อย
มีฐานเตี้ย จนฐานขนาดใหญ่ที่จะปรากฎอยู่ต่อมาในเจดีย์ทรงนี้ หายไป มีมุขยื่นออกมาแทนและมีแท่นบูชา

ลักษณะของความเป็นปราสาททรงปรางค์
อยู่ที่ส่วนที่ ๒ ของเจดีย์ คือ
ส่วนที่มีย่อมุม นั้น
ย่อส่วนของปรางค์ให้เล็กลงกว่าเดิม
แล้วนำไปตั้งไว้บนฐานสี่เหลี่ยมใหญ่ ของเจดีย์
(วัดพระพายหลวง)

ร่องรอยของซุ้มหน้าบัน
แม้ว่า ตัวซุ้มจะหายไป
แต่กลีบขนุนจะยังคงอยู่
และถ้าสังเกตดูให้ดี จะเห็นว่า

ส่วนที่เป็นพุ่มข้าวบิณฑ์ นั้น
มีรอยเป็นเส้น ๆ คล้ายเคยประดับด้วยอะไรมาก่อน
ซึ่งเข้าใจว่า จะเป็นกลีบขนุน ที่ติดประกอบขึ้นไป

คล้ายรูปปรางค์
แต่กาลเวลา ทำให้กลีบขนุนหลุดหายไปหมด
จึงเหลือเพียงรอยที่แปะติดไว้เท่านั้น

วัชรินทร์ พุ่มพงษแพทย์
ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๕











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น