Best Thai History

Amps

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ไม่ได้ลบหลู่ แค่วิจารณ์เฉย ๆ

วัตรปฏิบัติ บางวัน

ในการเรียนโบราณคดี รอบสอง

ตอน : ไม่ได้ลบหลู่ แค่วิจารณ์เฉย ๆ "

วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕

เดินทางจากจังหวัดสุโขทัย ถึง เมืองศรีสัชนาลัย

ขึ้นไปนอนบนเขาพนมเพลิง
อากาศเย็นสบาย ปลอดภัยดี ไม่มีสิ่งใด รบกวน

เช้าหลังรับประทานอาหารที่ริมแก่งหลวงแล้ว
พี่ขุน (อ.คงเดช ประพัฒน์ทอง) พาเด็ก ๆ ขึ้นไปดูวัดบนเขาพนมเพลิง

ข้าพเจ้ากับปื๊ด (พรชัย สุดลาภา )
แยกทางจะไปดูศาลหลักเมือง ศรีสัชนาลัย
เพราะถึงแม้จะมาศรีสัชนาลัย หลายครั้ง
แต่ก็ยังหาโอกาสไปดูไม่ได้สักที

ครั้งนี้ได้โอกาสดี

เมื่อเข้าไปดูเห็นลักษณะโบราณสถาน แล้ว
พากันข้องใจ ต่างก็พากันวิจารณ์ อีกว่า

“ดูรูปร่างพิลึก แปลกพิสดารเหลือเกิน
คล้ายกับช่างผู้สร้าง
ไม่มีฝีมือ
เพราะดูเหมือนไม่ได้สัดส่วนที่ดีเลย”

วิจารณ์กันแล้ว ก็พากันเดินออกมานั่งตรงวิหารข้างหน้า

ทั้งข้าพเจ้าและปื๊ด รู้สึกตัว ว่า

"หูอื้อ มาก "

แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่า
คงเป็นความกดอากาศตามธรรมชาติ

ปื๊ด(พรชัย) จึงปรารภออกมาว่า

“ความเงียบ ก็สามารถทำให้หูอื้อได้เหมือนกัน
ที่บริเวณนี้ ก็เป็นที่บนพื้นดินที่ราบธรรมดาเท่านั้น
ยังหูอื้อขนาดนี้
ถ้าไปเป็นนักบินจะทนได้หรือ ?”

ข้าพเจ้ายืนดูอย่างเงียบ ๆ
แล้วก็พาเดินออกมาจากบริเวณหลักเมือง นั้น

คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่า
พอพ้นเขตกำแพงศาลหลักเมือง เท่านั้น

อาการหูอื้อก็หายไปอย่างสิ้นเชิง

ข้าพเจ้าสอบถามปื๊ด ว่า รู้สึกเช่นไร

ปื๊ด ก็เป็นเหมือนกัน

จึงชักเอะใจ
ชวนกันกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง

เหตุการณ์ก็เป็นเหมือนเดิม คือ

“เกิดอาการหูอื้อ หนักกว่าเดิม”

ทั้งข้าพเจ้าและปื๊ด ถึงกับยกมือไหว้

ขอขมา มิได้ลบหลู่ดูถูกแต่อย่างใด
ตั้งใจปรารถนาจะมาดูจริง ๆ
ขนลุกหมดทั้งตัว

"ก็ดูไม่สวยจริง อ่ะ...วิจารณ์หน่อยก็ไม่ได้"

รีบเดินกลับและขึ้นเขาพนมเพลิง
ยังไม่ทันเล่าอะไร

คงเห็น "หน้าถอดสี" ของเราสองคน

พี่ขุน (อ.คงเดช) ก็เลยทักว่า.."โดนดี มาแล้วสิท่า"








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น