ตอน ๖ : วัดเล็กที่น่าชม "วัดราชประดิษฐ์"
วันเสาร์ที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๕ แรม ๑๕ ค่ำ
ออกจากวัดพระแก้ว เดินเรื่อยเฉื่อยไปแบบตั้งใจ
เข้า " วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม"
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร
ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือ ในบริเวณวังสราญรมณ์
เป็นวัดเล็กมากทีเดียว
มีเนื้อที่เพียง ๒ ไร่ ๒ งานกับ ๙๘ ตารางวา เท่านั้น
อาคารเขตพุทธาวาสทั้งหมด
ตั้งอยู่บนฐานก่อสูงเดียวกัน (พระอุโบสถ เจดีย์และปรางค์)
แต่ก็สวยงาม
ตามประวัติกล่าวว่า
เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
ตามธรรมเนียมประเพณีโบราณ ที่ว่า
ในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3 วัด คือ
วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐาน
จึงทรงสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้ครบตามโบราณราชประเพณี
และเพื่อพระอุทิศถวายแก่
พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย
เพื่อที่พระองค์เองและเจ้านาย ข้าราชการ ที่จะไปทำบุญ
ที่วัดฝ่ายธรรมยุติกนิกาย
ใกล้พระบรมมหาราชวังได้สะดวก
วัดราชประดิษฐฯ จึงเป็น
วัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายวัดแรก
ที่สร้างขึ้นเพื่อพระสงฆ์ในนิกายนี้
เพราะวัดอื่น ๆ ของฝ่ายธรรมยุต
เป็นวัดที่แปลงมาจากวัดของมหานิกาย
เมื่อแรกสร้างพระราชทานนามว่า
"วัดราชประดิษฐสถิตธรรมยุติการาม"
หลังจากทรงสร้างเสร็จแล้ว ได้ทรงอาราธนา
พระสาสนโสภณ (สา ปุสฺสเทโว) หรือ
สามเณรสา ผู้สอบเปรียญธรรม ๙ ประโยค
ได้ขณะเป็นสามเณร
เป็นสามเณรนาคหลวง สายเปรียญธรรม
รูปแรกของกรุงรัตนโกสินทร์
จากวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
มาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๘ ปีฉลู
ทรงกระทำการสมโภชทั้งเจ้าอาวาสและวัดใหม่
เป็นเวลา ๓ วัน
ด้วยเหตุที่มีผู้เรียก
วัดราชประดิษฐสถิตธรรมยุติการาม โดยย่อว่า
วัดราชบัณฑิตบ้าง วัดทรงประดิษฐ์บ้าง
ไม่ถูกต้องกับที่พระราชทานนามไว้
ในปี พ.ศ. ๒๔๑๑ จึงทรงมีประกาศ
การเรียกนามวัดราชประดิษฐฯ ให้ถูกต้อง
โดยทรงกำชับให้เรียกชื่อวัด ว่า
"วัดราชประดิษฐฯ" หรือ "วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม"
เท่านั้น
ไม่ให้เรียกเพี้ยนเป็นอย่างอื่นที่ไม่ถูกต้อง
และด้วยเหตุนี้เอง
วัดแห่งนี้จึงได้รับยกให้เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๔
ถึงแม้ว่าวัดแห่งนี้จะมีพื้นที่เพียงเล็กน้อย
แต่ภายในพระอารามนี้ก็ประกอบไปด้วยสิ่งต่าง ๆ คือ
๑.พระอุโบสถ หันหน้าไปทางทิศเหนือ
ผังเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
มีเสากลม รายอยู่ด้านข้าง ข้างละ ๑ แถว ๆ ละ ๘ ต้น (หมายเลข ๒. )
ด้านหน้า มีประตูกลาง ขนาบด้วยหน้าต่างด้านละ ๑ บาน
ด้านหลังมีประตูด้านข้าง ๒ ประตู
ระหว่างประตู ด้านหลัง
มีซุ้มซึ่งแกะสลักด้วยหินอ่อนทั้งแผ่น
ภายในซุ้มเป็นที่ประดิษฐานศิลาจารึก
ประกาศในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒ ฉบับ
ฉบับแรกเป็นประกาศสร้างวัดถวายพระสงฆ์ธรรมยุกติกนิกาย ลง พ.ศ. ๒๔๐๗
และ ฉบับหลังเป็นประกาศงานพระราชพิธีผูกพัทธสีมา ลง พ.ศ. ๒๔๐๘
ข้อความในศิลาจารึกทั้ง ๒ ฉบับ นั้น
นับว่ามีความสำคัญซึ่งเป็นมหามรดกล้ำค่า
ที่เป็นมหาสมบัติของคณะธรรมยุติกาย
ที่ได้รับพระราชตกทอดมาจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔
ภายในพระอุโบสถ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดฯ ให้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง เป็น
เรื่องราว พระราชพิธี ๑๒ เดือน
หมายเลข ๓. เสาคู่หน้าย่อมุม
หมายเลข ๔.
หมายเลข ๕.
หมายเลข ๖.ตุ๊กตาหิน จีน
หมายเลข ๗.ปรางค์ มียอดเป็นพรหมพักตร์ หน้าบันเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์
หมายเลข ๘. ปรางค์ยอดธรรมดา หน้าบันเป็นปางประสูติ
หมายเลข ๙. ซุ้มไว้พระรูปสมเด็จพระสังฆราช (สา)
หมายเลข ๑๐. “ปาสาณเจดีย์” หรือ เจดีย์ประธานทรงกลม บนฐานที่เหลี่ยมสูง สร้างขึ้นด้วยหินอ่อน
หมายเลข ๑๑.ที่ทำการมัคนายกวัด
หมายเลข ๑๒.แท่นสี่เหลี่ยม (เขตพัทธสีมา)
หมายเลข ๑๓.เขตสังฆาวาส
หมายเลข ๑๔.ปรางค์แบบไทย (คล้ายจีน)
หมายเลข ๑๕ ศาลามุมทิศตะวันออกเฉียงใต้
หมายเลข ๑๖ ศาลามุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ขอบคุณภาพประกอบสวย ๆ จาก Google
สเก็ตผังคร่าว ๆ เท่าที่เห็นในเวลานั้น ๑๕ ม.ค.๒๕๑๕
บริเวณวัดราชประดิษฐ์
พระอุโบสถวัดราชประดิษฐ์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรสุริยุปราคา
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
บริเวณวัดราชประดิษฐ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น