อัตชีวประวัติปฏิพัฒน์ (วัชรินทร์ )
ชีวิตตกภูมิ"คนต้องขื่อคา" พ.ศ.๒๕๑๓
ตอน วิมานมืด
ทัศนาผ่าน หลังคา เห็นอาวาส
ผ่องผุดผาด ทองประกาย แข่งสายสูรย์
แสงสีทอง ยองใย ผ่องไพบูลย์
แต่เบื้องพู้น วิลัย ด้วยใบบุญฯ
เจดีย์เสียด เบียดยอด ดูงามเด่น
ดุจดังเป็น เช่นชี้ ที่เกื้อหนุน
ให้สมสร้าง บารมี ที่เป็นทุน
คอยเกื้อหนุน สู่ฟ้า นภาลัยฯ
หอระฆัง ตั้งเด่น เห็นประจักษ์
ระฆังทัก สัญญาน คอยขานไข
ให้ยึดมั่น ในธรรม ประจำใจ
เพื่อหลุดไป จากโลก โศกโสมมฯ
ฟังกระดิ่ง กริ๊งกรั๊ง ดังแว่วแว่ว
กระทบแผ่ว พระพาย ชายประสม
กิเลสหนา ตัณหา กามารมณ์
ก็ดุจลม เมื่อผ่าน แล้วราญไปฯ
มีแต่ทำ ฉิบหาย วายวินาศ
ดุจน้ำสาด ลงหิน บิ่นไฉน
สาดทุกวัน ทุกวัน ก็บรรลัย
เช่นกันไซร้ กิเลสก่อ ก็เพิ่มพูนฯ
กิเลสล่อ ก่ออยู่ ดูรอบวัด
ถิ่นสงัด ไม่สงบ ไม่จบสูญ
มันยั่วเย้า เคล้าธรรม อันจำรูญ
กลายเป็นศูนย์ ท่องทัศ- ศนาจรฯ
ต้นโพใหญ่ ใบหนา ห้าคนโอบ
แผ่วลมโกรก เย็นรื่น ชื่นจิตถอน
โอ้วารวัน ผ่านไป ใจรอนรอน
ด้วยลมร้อน แรงร้าย ทั้งกายใจฯ
วัดที่เด่น เป็นสง่า คราอดีต
งามจารีต จรรยา มาแต่ไหน
ถูกลบสิ้น ราศีลับ ลงฉับไว
ด้วยตึกใหญ่ กลีชั่ว กลั้วเต็มกรุงฯ
กัลปพฤกษ์
พุธ ๒๒ เมษายน ร.ศ.๑๘๙ ( พ.ศ.๒๕๑๓)
ภาพประกอบจาก Google
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น