วัดกิวบ๊วกจี หรือ วิหารกู่เป้าจี ( Go Byauk Gyi )
วัดกิวบ๊วกจี มยินกบา กิว หรือ กู่ แปลว่า ถ้ำ,บ๊วก หรือ เป้า หรือ เปย้า แปลว่า รู หรือโพรง,จี แปลว่า ใหญ่ ทั้งนี้แล้วแต่สำเนียง แต่แปลแล้วเป็นความหมายเดียวกัน ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านมยินกบา (แปลว่า ลูกม้า ) ทางตอนใต้ของพุกาม ตัววิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จัดเป็นวิหารรุ่นแรก ๆ ของพุกามที่มีหลักฐานทางศิลปกรรมอันทรงคุณค่ามาก โดยเฉพาะลวดลายปูนปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ที่ยูเนสโก กล่าวว่า ควรค่าต่อการไปชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของพุกาม
ตามตำนานและประวัติ ของเจติยวิหารหลังนี้ เชื่อว่า สร้างขึ้นโดยราชกุมาร (Yazakumar ) โอรสของพระเจ้ากยันสิต ที่ประสูติจากพระมเหสี พระนางตรีโลกวัตตสักกะเทวี หรือ ตรีโลกวตังสิกาเทวี นามเดิมว่า พระนางธรรมพูละ ซึ่งพระองค์ได้เมื่อครั้งหลบหนีออกจากราชสำนัก ด้วยเหตุที่ไปสมสู่กับเจ้าหญิงที่พระเจ้าหงสาวดีพระราชทานมาให้พระเจ้าอนิรุทธ์ ต่อมา พระเจ้าอนิรุทธ์หายกริ้วแล้ว ให้คนไปตามกลับมาช่วยราชการต่อ เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับ นั้น พระนางธรรมพูละกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ พระเจ้ากยันสิตได้ถอดแหวนพระราชทานแหวนไว้กับพระนางธรรมพูละ แล้วกล่าวว่า “ถ้าลูกเกิดเป็นหญิงให้ขายแหวนเลี้ยงดูลูก แต่ถ้าเกิดเป็นชายให้ใส่แหวนไปหา ถ้าเราได้เป็นกษัตริย์เราจะยกบัลลังก์ให้ครองต่อจากเรา”
เนื่องจากเมื่อพระเจ้ากยันสิต เสวยราชย์ นั้น พระราชธิดาสุดที่รักพระองค์หนึ่ง ชื่อ พระนางชเวเองที ( Shwe Eng Thi ) ได้ให้กำเนิดบุตรชายองค์หนึ่ง เมื่อประสูติ นั้น ประตูทางขึ้นพระราชบัลลังก์เปิดได้เอง กลองในท้องพระโรงดังขึ้นเองโดยไม่มีใครตี พระโหราธิบดี ทำนาย ว่า พระราชนัดดาพระองค์นี้จะมีบุญญาธิการมาก จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อ ประกอบกับพระราชนัดดาพระองค์นี้ร้องไห้งอแงไม่หยุด จะปลอบอย่างไรก็ไม่หยุด จนพระเจ้ากยัตสิต กล่าวว่าจะยกบัลลังก์ให้จึงหยุดร้อง ถือว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่พระราชทานไว้ ตำแหน่งรัชทายาทจึงเป็นของพระราชนัดดาพระองค์นี้ ( ขึ้นครองราชย์ในพระนาม พระเจ้าอลองสิทธู )
เมื่อพระเจ้ากยันสิต ได้ขึ้นเสวยราชย์แล้วได้ ๒๘ ปี ถึง พ.ศ.๑๖๕๖ ราชกุมารได้เสด็จเข้ามาเฝ้าพระราชบิดา ระหว่างที่ประชวรหนัก พร้อมพระพุทธรูปทองคำอันงามล้ำเลิศที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ เพื่อเป็นการทดแทนพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมถวายสิ่งของ และดินแดนสามหมู่บ้านให้กับพระพุทธรูปองค์นี้ เพื่อเป็นบุญกุศลแก่พระองค์ไปในภายภาคหน้า ขอพระองค์ทรงรับสิ่งของเหล่านี้ด้วยเทอญ พระเจ้าศรีไตรภูวณติสยะ หรือ พระเจ้ากยันสิต ได้ทรงกล่าวตอบรับ แล้วเสด็จสวรรคต ส่วนพระราชกุมาร ก็เสด็จกลับ โดยมิได้ทรงเรียกร้อง หรือทวงสิทธิ์ในราชบัลลังก์แต่อย่างใด กานกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักปราชญ์ เป็นผู้ประเสริฐ ระลึกถึงบุญคุณกตเวทิตา ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง เป็นผู้มีจริยธรรม สมควรแก่การยกย่องสรรเสริญ
วัดนี้ถือเป็นวัดที่โดดเด่นด้วยทางด้านภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและจัดว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังต้นฉบับของพุกามที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบในพุกาม.
น่าเสียดายที่ห้ามถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังภายใน...แม้ในวิหารด้านหน้าก็ตาม แต่ถ่ายจากหน้าประตูนอกรั้วเหล็กได้...จึงได้มาแค่นี้
เครดิต เรื่อง "๖๐ วัด วัง และสถานที่สำคัญในพม่า" ..ภภพพล จันทร์วัฒนกุล,กูเกิล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น