Best Thai History

Amps

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ล่องเรือจากมัณฑเลย์ สู่ พุกาม

ล่องเรือจากมัณฑเลย์ สู่ พุกาม

ประวัติศาสตร์ของพม่านั้นมีความยาวนานและซับซ้อน มีประชาชนหลายเผ่าพันธุ์เคยอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ เผ่าพันธุ์เก่าแก่ที่สุดที่ปรากฏได้แก่มอญ ต่อมาราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ ชาวพม่าได้อพยพลงมาจากบริเวณพรมแดนระหว่างจีนและทิเบต เข้าสู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดี และได้กลายเป็นชนเผ่าส่วนใหญ่ที่ปกครองประเทศในเวลาต่อมา
ล่องเรือจากมัณฑเลย์ สู่ พุกาม
คณะเรา (ชมรมพิพิธสยาม) ล่องเรือโดยตั้งใน จากมัณฑะเลย์ อดีตเมืองหลวง ที่ก่อตั้งโดยกษัตริย์มินดง ในปี พ.ศ.๒๔๐๐ และลดความสำคัญลงหลังจากพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิอังกฤษ ใน ปี พ.ศ.๒๔๒๘
ผ่านเมืองอังวะ (คนพม่า เรียกว่า อินวะ, ฝรั่ง เรียกว่า เอวะ) เมืองหลวงโบราณริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี เรียกว่า รัตนปุระอังวะ ( อัง แปลว่า ทะเลสาบ , วะ แปลว่า ปาก ) เป็นเมืองอยู่ในเขตมัณฑเลย์
หลังจาก การล่มสลาย ของอาณาจักรพุกาม พม่าได้แตกแยก ออกจากกันอีกครั้ง ราชวงศ ์อังวะ ซึ่ง ได้รับอิทธิพล ทางวัฒนธรรม จากอาณาจักร พุกาม ได้ถูกสถาปนาขึ้น ที่เมืองอังวะ ในปี พุทธศักราช ๑๙๐๗โดย พระเจ้าทะโดมินพญา (Thadominbya ) โดยให้ทรงขุดคลองเชื่อมแม่น้ำสองสาย ทำให้เมืองตองอูมีลักษณะเป็นเกาะเมืองขึ้น ศิลปะ และวรรณกรรม ของพุกาม ได้ถูกฟื้นฟู จนยุคนี้ กลายเป็น ยุคทอง แห่งวรรณกรรม ของพม่า แต่เนื่องด้วย อาณาเขต ที่ยากต่อการป้องกัน การรุกราน จากศัตรู เมืองอังวะ จึงถูก ชาวไทใหญ่ เข้าครอบครองได้ ในปี พุทธศักราช ๒๐๗๐ ในชั้นต้น พระราชวังตั้งอยู่ทางฝั่งเมืองสกาย แต่หลังจากเสียไทยใหญ่เข้ายึดฝั่งเมืองสกายได้ จึงย้ายพระราชวังข้ามฝั่งมาอยู่ทางอังวะ แทน
แวะเมืองมินบู ยืดเส้นยืดสายกันนิดหน่อย ตามหาวัดที่เชลยโยเดีย เคยถูกปล่อยให้จัดตั้งบ้านเรือนอยู่ แห่งหนึ่ง ไม่สมหวัง เพราะตามหาไม่พบดังประสงค์
จากนั้น เดินทางล่องเรือ ยาวชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำไปจนถึง เมืองพุกาม ได้ชมแสงสุดท้ายพอดี ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็สบายดี...อิ อิ














จากมัณฑะเลย์จอดเรือริมแม่น้ำอิรวดี (ดอกจันริมแม่น้ำ) เดินชมวิถีชีวิตบ้านเรือน ชาวมินบู ไปยังวัด (ดอกจันบน) 
วัดนี้มี เจดีย์ให้ดูหลายองค์ 
แต่ไม่มีจิตกรรมฝาผนัง 
กรรมการวัดบอกให้เดินไปอีกวัด (ดอกจันล่าง) 
วัดนี้มีอะไรให้ดูหลายอย่าง เช่น เจดีย์ องค์นี้ ชั้นล่างเป็นชั้นสิงห์ ๘ ทิศ รองรับ เจดีย์ฐานแปดเหลี่ยม ซ้อนกัน ๓ ชั้น ต่อด้วยองค์ระฆัง ในพม่าไม่ค่อยมี 
วิหารเจติยะ ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ปิดประตูใส่กุญแจ กรรมการวัดใจถึง เตรียมเครื่องมือมาจะสะเดาะกุญแจให้ 
ดูแล้วยังไม่เข้าตา พาไปอีกวัด 
คนนำทางขี่มอเตอร์ไซด์ นำหน้าไป
เดินไป ๕ นาที จอดรถรอ บอกไปอีกนิดดด...๓ - ๔ ครั้ง
และทำท่าจะไปอีกวัด หมดแรงซะก่อน...
เจ้าอาวาสใจดี 
บอก...ที่วัดนี้ ก็ไม่มี 
สงสาร เอารถวัดขนคนมาส่งลงเรือ หลายเที่ยว...ด้วยน้ำใจไมตรีที่มีแก่นักท่องเที่ยว ผู้หลงทางทั้งหลาย
ข้าวผัดบนเรือ มื้อนี้ อร่อยมากก..เพราะ....????





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น