วัดนาพรม อ.เมือง จ.เพชรบุรี
วัดนาพรมแห่งนี้ตั้งอยู่หมู่ ๘ ต.นาพันสาม อ.เมือง จ.เพชรบุรี บนเนื้อที่กว่า ๑๖ ไร่ เป็นวัดเก่าแก่ที่ประวัติศาสตร์ยาวนานและมีตำนานเล่าขานต่อกันมาหลายชั่วอายุคน โดยภายในวัดมีโบราณสถานที่เก่าแก่หลายแห่ง อาทิ ศาลาการเปรียญ กุฏิ พระปรางค์ เจดีย์ โดยเฉพาะพระอุโบสถและวิหารอันเก่าแก่ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นใน สมัยกรุงศรีอยุธยา
ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าและจวนจะลบเลือนเต็มที รวมทั้งยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่อีกจำนวนหลายองค์ประดิษฐานอยู่ข้างในด้วย และตลอดเวลาชาวบ้านในชุมชนและละแวกใกล้เคียงก็มักจะขออนุญาตเจ้าอาวาสเพื่อ เข้าไปกราบไหว้บูชาและขอพรกันอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากเชื่อว่าขอสิ่งใดแล้วก็จะสมความปรารถนา สร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้กับชีวิต และด้วยเหตุนี้เองพระอุโบสถและวิหารเหล่านี้จึงกลายเป็นสถานที่อันศักดิ์ สิทธิที่มีคุณค่าความสำคัญต่อจิตใจของชาวบ้านในพื้นที่มาโดยตลอด
จากประวัติของวัดอ้างความเก่าแก่ขึ้นไปจนถึงสมัยอยุธยา แม้จะมีป้ายโฆษณาว่า เรือขุดของวัดลำหนึ่งว่ามีอายุเก่าถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ ก็คงจะไม่ต่างเวลาอะไรนัก หลักฐานที่ปรากฏชัดอยู่บนจิตรกรรมฝาผนัง ที่ยังเขียนไม่เสร็จสมบูรณ์นั้น มีศักราชที่เขียนว่า ปีชวด วันอาทิตย์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ ร.ศ.๑๒๐ ตรงกับ ปี พ.ศ.๒๔๔๓- พ.ศ.๒๔๔๔ เป็นช่วงระหว่าง ปีย้ายนักษัตร เข้าสู่ปี ฉลู พ.ศ.๒๔๔๔ สรุปว่า สร้างโบสถ์และวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัด ขึ้นในช่วงนี้ก็แล้วกัน คือ ปีที่ ๓๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เพราะฉะนั้น บรรดาเจดีย์วิหารและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จึงไม่ควรเกินสมัยรัชกาลที่ ๕ ขึ้นไป
ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าและจวนจะลบเลือนเต็มที รวมทั้งยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่อีกจำนวนหลายองค์ประดิษฐานอยู่ข้างในด้วย และตลอดเวลาชาวบ้านในชุมชนและละแวกใกล้เคียงก็มักจะขออนุญาตเจ้าอาวาสเพื่อ เข้าไปกราบไหว้บูชาและขอพรกันอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากเชื่อว่าขอสิ่งใดแล้วก็จะสมความปรารถนา สร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้กับชีวิต และด้วยเหตุนี้เองพระอุโบสถและวิหารเหล่านี้จึงกลายเป็นสถานที่อันศักดิ์ สิทธิที่มีคุณค่าความสำคัญต่อจิตใจของชาวบ้านในพื้นที่มาโดยตลอด
จากประวัติของวัดอ้างความเก่าแก่ขึ้นไปจนถึงสมัยอยุธยา แม้จะมีป้ายโฆษณาว่า เรือขุดของวัดลำหนึ่งว่ามีอายุเก่าถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ ก็คงจะไม่ต่างเวลาอะไรนัก หลักฐานที่ปรากฏชัดอยู่บนจิตรกรรมฝาผนัง ที่ยังเขียนไม่เสร็จสมบูรณ์นั้น มีศักราชที่เขียนว่า ปีชวด วันอาทิตย์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ ร.ศ.๑๒๐ ตรงกับ ปี พ.ศ.๒๔๔๓- พ.ศ.๒๔๔๔ เป็นช่วงระหว่าง ปีย้ายนักษัตร เข้าสู่ปี ฉลู พ.ศ.๒๔๔๔ สรุปว่า สร้างโบสถ์และวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัด ขึ้นในช่วงนี้ก็แล้วกัน คือ ปีที่ ๓๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เพราะฉะนั้น บรรดาเจดีย์วิหารและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จึงไม่ควรเกินสมัยรัชกาลที่ ๕ ขึ้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น