Best Thai History

Amps

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

มหาเจดีย์ชเวซิกอง Shwezigon Pagoda

 "บันทึกหลังเที่ยว ย่างกุ้ง,หงสาวดี,พุกาม" 
๑๖ - ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๖ 
ตอน: มหาเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon Pagoda) 

เมื่อถึงเมืองพุกาม 

มีรายการที่ต้องปรับเปลี่ยน จากดูพิพิธภัณฑ์ พุกาม

มาเป็น ไปไหว้พระธาตุเจดีย์ชเวซิกอง ก่อนเป็นอันดับแรก

มหาเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon Pagoda) 

แยกศัพท์แล้วได้ดังนี้ “ชเว” แปลว่า “ทอง” 

“ซิกอง” แปลว่า “มัดไว้,รวมไว้” 

รวมแล้วมีความหมายว่า "เจดีย์ทองที่รวมไว้ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุ” 

เจดีย์ชเวซีโกน เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำปิดด้วยทองคำเปลว 

มีบันไดทางขึ้น ทั้ง ๔ ทิศ 

ฐานบนสุด มีเจดีย์เล็กที่มุมทั้งสี่มุม 

ฐานทั้ง ๓ ชั้น ถัดลงมา มีแผ่นดินเผาเคลือบแสดงภาพชาดก 

มีอักษรภาษามอญ ระบุชื่อชาดกไว้ทุกแผ่น ประดับเป็นห้อง ๆ 

พระเจดีย์ชเวซิกองสร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนต้น 

โดย พระเจ้าอโนรธามังช่อ หรือ พระเจ้าอนิรุทธ์ 

ซึ่งได้นำพระทันตธาตุและพระสารีริกธาตุ จากลังกา 

พระบรมสารีริกธาตุส่วนพระนลาฏ(หน้าผาก) และ

ส่วนพระรากขวัญ (ไหปลาร้า)จากเมืองศรีเกษตร 

โดยอัญเชิญมาบนหลังช้างเผือก 

พระเจ้าอโนรธามังช่อ ได้ตั้งจิตอธิษฐาน ว่า 

ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น 

ช้างเผือกคุกเข่าลง ณ ที่ตรงนี้ จึงทรงให้สร้างมหาเจดีย์ชเวซิกอง ขึ้น

แต่การสร้างในรัชกาลของพระองค์ 

สร้างได้เพียงฐาน ๓ ชั้น ก็เสด็จสวรรคต ก่อน 

แต่ยังคงสร้างต่อกันมา พระเจ้าสอลู 

และมาแล้วเสร็จในรัชกาลพระเจ้ากยันสิต (จานสิตา)

รวมเวลาการก่อสร้างยาวนานถึง ๖๕ ปี

( พ.ศ.๑๕๘๗ – พ.ศ.๑๖๕๒ ) 

เจดีย์ชเวซีโกนถูกบูรณะในสมัยต่อมาอีกหลายครั้ง 

ปัจจุบันมีความสูงราว ๕๓ เมตร หรือ ๑๖๐ ฟุต 

โดยรอบเจดีย์ประธาน 

มีหม้อปูรณฆฏะ ใส่ช่อดอกไม้ทอง ตั้งไว้โดยรอบ 

และทั้งสี่ทิศหลักของเจดีย์ประธาน 

มีวิหารทรงปราสาทประดิษฐานอดีตพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ 

เจดีย์ชเวซีโกนนับเป็นเจดีย์ใหญ่ 

สวยงาม ศักดิ์สิทธิ์ เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมาร์ 

และ เป็นหนึ่งใน ๕ มหาสถาน 

เป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวพม่าและชาวไทยด้วย.

ที่ศาลาหลังหนึ่งในบริเวณเจดีย์ชเวซิกอง ด้านทิศใต้ 

เป็นศาลาที่เพิ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์คองบอง 

เป็นศิลปะแบบมัณฑะเลย์ 

มีรูปฉลุไม้ประดับเป็นกรอบระหว่างเสาเป็นเรื่องชาดก 

มีปะปนกันทั้งพุทธประวัติ ชาดก 

นิทานพื้นบ้านของท้องถิ่น

และที่ข้อสำคัญ มีภาพ

เรื่อง "รามเกียรติ์" 

ซึ่งน่าจะเป็น เรื่องราวจากเชลยไทยชาวโยเดีย 

ที่ถูกกวาดต้อนไปในสมัยเสียกรุง พ.ศ.๒๓๑๐ 

และ ได้เป็นมหรสพที่นิยมอย่างมากเรื่องหนึ่ง 

ในราชสำนักมัณฑเลย์ ด้วย

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น