เล่าเรื่องเที่ยวเขมร ๒๕๖๕
ตอนที่ ๑๐ : ปราสาทลึงค์,ช้าง,ห้าหลัง
หลังอาหารกลางวัน ที่ร้านหน้ากลุ่มปราสาทธม แล้ว
คณะของเราเดินทางไปดู
ปราสาทลึงค์ ๑ (Prasat Balang Cheung)
แปลตามประสาปฏิพัฒน์ "ปราสาทพลังช้าง"
ปราสาทหลังนี้ ประดิษฐาน
"ศิวลึงค์บนฐานโยนีขนาดใหญ่" ไว้
มีปราสาทเช่นนี้อีก หลายหลัง
แต่เราดูเฉพาะหลังแรกที่ไปถึงเท่านั้น
ปราสาททั้งหมดน่าจะยังสร้าง ตัวปราสาทไม่เสร็จ
เพราะร่องรอยที่เกิดบนหินโดยรอบ ยังสกัดไม่เรียบร้อย
อย่างไรด็ตาม มีต้นไม้ใกล้ ๆ ในบริเวณหน้าปราสาท
ยังปรากฏ “พฤกษ์ลึงค์” ขนาดเล็ก
ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ให้เห็นถึงชัยภูมิที่เหมาะสม มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
คณะเราผ่านโบราณสถานที่เป็นปราสาทลึงค์
ขนาดใกล้เคียงกันอีกหลายปราสาท
ทั้งที่เป็นหลังโดด และ เป็นกลุ่มปราสาท
แล้วไปจอดดูที่ปราสาท “โรงช้าง” (Prasat Charp)
ที่มีหลายหลัง แต่เราเลือกจะดู
หลังที่อยู่ในสุด ซึ่งมีรูป "ช้าง" สลักลอยตัวตั้งอยู่ทั้งสี่มุม
ส่วนที่หัวบันไดทางขึ้น มี"รูปสิงห์" ลักลอยตัวเช่นเดียวกัน
แต่ชำรุดแตกหักทิ้งอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
ปราสาทหลังนี้ ชั้นฐานสร้างขึ้นด้วยหินทราย
ส่วนตัวปราสาทก่อสร้างขึ้นด้วยอิฐ
สภาพยังไม่ได้บูรณะเพียงแต่ค้ำยันไว้เท่านั้น
ปราสาทหลังสุดท้ายในเมืองโฉกครรพยาร์ เกาะแกร์
คือ ปราสาทปรำ ( Prasat Pram )
ซึ่งดูเหมือนจะเป็น ไฮไลท์ ของการเดินทางที่เกาะแกร์ ในครั้งนี้
ด้วยเพราะเป็นปราสาทอิฐ ๕ หลัง
ชื่อปราสาท คงมาจากจำนวนของปราสาท ๕ หลังนี้เอง
(ปรำ แปลว่า ห้า )
ที่ปราสาทปรำ
เราพบกับทีมงาน เนชั่นแนล ออกราฟฟิค อีกครั้ง
แต่ ครั้งนี้ ขอเวลาไม่เกิน ๒ นาที
ก็ถ่ายเสร็จเรียบร้อย
ปราสาทปรำเป็นปราสาทก่ออิฐจำนวน ๔ หลัง
อีก ๑ หลังก่อด้วยศิลาแลง
ปราสาททั้ง ๕ หลัง ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
ลวดลายบนหน้าบันและทับหลัง
ยังไม่ได้แกะสลัก เป็นเพียงรูปโกลนไว้เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ จึงยังไม่สามารถกำหนดได้ว่า
หลังไหนสร้างเพื่ออุทิศถวายให้เทพองค์ใด
แม้จะทราบโดยปกติ ว่า
สร้างขึ้นเพื่อถวาย
"เทพตรีมูรติ" หรือ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม ก็ตาม
นอกจากลวดลายบนเสาประดับกรอบประตู
ที่สามารถกำหนดอายุโบราณสถานแห่งนี้ ได้ว่าอยู่ใน
ศิลปะแบบเกาะแกร์ (ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ )
ความงดงามของปราสาทกลุ่มนี้ คือ
รากไม้ที่หุ้มก่อรัดตัวปราสาททั้งหลังไว้
ทำหน้าที่เป็น
พระพรหม(ผู้สร้าง) พระศิวะ (ผู้ทำลาย) และพระวิษณุ (ผู้รักษา)
ไปในขณะเดียวกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น