Best Thai History

Amps

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ข่าวการขุดพบพระนารายณ์ สวมหมวกทรงกระบอก สมัยทวาราวดี อายุราวพุทธศตวรรษ ที่ ๑๑ - ๑๓ หน่วยศิลปากร ที่ ๕ ฉะเชิงเทรา ๒๕๑๘

อัตชีวประวัติ ปฏิพัฒน์(วัชรินทร์) (ต่อ)
ชีวิตนักโบราณคดี 
ขุดแต่งและขุดตรวจทางโบราณคดี เทวสถาน
โบราณสถานเมืองพระรถ ( ศรีวัตสปุระ ) ปราจีนบุรี
ตอนที่ ๒ :  เหตุเกิดเพราะพระวิษณุจตุรภุช 

สืบเนื่องมาจาก หน่วยศิลปากร ที่ ๕ ฉะเชิงเทรา

โดยหัวหน้าศิริ ดวงดี ได้รับงบประมาณให้ดำเนินการขุดแต่ง

โบราณสถาน หมายเลข ๒๕ ไปแล้ว ในระยะแรก

ระหว่างวันที่ ๒๘ - ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๘

การขุดแต่งเทวาลัย ครั้งนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาสั้น เพียง ๓ วัน

เพราะ ได้ขุดพบพระนารายณ์สวมหมวกทรงกระบอก องค์หนึ่ง

(ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ พช.ปราจีนบุรี)

แล้วรีบนำเข้ามาส่งที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

โดยทันทีในวันนั้น

ข่าวการขุดพบพระนารายณ์ สวมหมวกทรงกระบอก

สมัยทวาราวดี อายุราวพุทธศตวรรษ ที่ ๑๑ - ๑๓ องค์นี้ 

แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ทำให้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง

เอารถติดตามมาจนถึงกรุงเทพฯ

เมื่อเห็นว่า พระนารายณ์เสด็จเข้าประทับ เป็นของหลวงแล้ว

ก็สุดปัญญาจะทำอะไรได้ จึงล่าถอยกลับไป

การมาทำงานต่อ ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ 

จึงอยู่ในสายตาชาวบ้านกลุ่มนั้นตลอด 

โดยเฉพาะ ในหมู่บ้านวัด 

มีร้านขายโบราณวัตถุ อยู่ด้วย ๑ ร้าน

เด็ก ๆ ลูกน้องใหม่ พาข้าพเจ้าเข้าไปเยือนที่ร้านนี้

ไม่เห็นมีของหน้าร้านที่เป็นของเก่าสักเท่าใด

เห็นมีแต่เครื่องลายคราม เป็นพื้น 

มีกระปุกไหแบบญวน แบบสุโขทัย บ้าง ๒ - ๓ ชิ้น 

แวดินเผา ขวานหิน และเหรียญต่าง ๆ สมัยรัตนโกสินทร์

อยู่ เท่านั้น

วันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๘

ข้าพเจ้ากับลูกน้อง ๒ คน คือ นายเปีย และนายเล็ก

เข้าไปในเมืองโบราณ ดูโบราณสถาน หมายเลข ๒๕ ที่จะทำงานต่อ

ก็ไม่เห็น จะต้องทำอะไรมาก 

เพราะ เป็นโบราณสถานขนาดไม่ใหญ่นัก และ ทำการบูรณะ แล้ว

จึงพากันเดินไปดูสถานที่อื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง 

เพื่อวางแผนการทำงานต่อไป ให้เสร็จภายใน ๑๐ วันนี้

ความจริงมีโคกเนินโบราณสถานอีกเป็นจำนวนมาก ที่ยังไม่ได้ขุด

แต่คงเป็นเรื่องในอนาคต

ได้แต่ฝันเห็นความเจริญของเมืองโบราณแห่งนี้ 

ถ้าหากได้รับการขุดแต่ง บูรณะ และพัฒนาให้ดีแล้ว 

น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ข้าพเจ้าเข้าไปซื้อหาสิ่งของที่จำเป็นจะต้องใช้

ในตัวอำเภอปราจีนบุรี กลับมาถึงบ้านโคกวัด ในตอนบ่ายแก่ ๆ 

ชาวบ้านเริ่มมีการจับกลุ่ม 

แสดงความรู้สึกต่อการทำงานของกรมศิลปากร 

โดย เจ้าหน้าที่สีกากี เป็นผู้นำในการยุแหย่เพื่อให้กระด้างกระเดื่อง 

และคิดอคติกับเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร 

(ซึ่งขณะนั้น มีเพียงข้าพเจ้าคนเดียว) เป็นอย่างมาก  

คืนนั้น ชาวบ้านที่ข้องใจเรื่องการปฏิบัติงานของกรมศิลปากร 

ก็เข้ามาพบผู้ใหญ่สนิท สายพรหม 

โดยข้าพเจ้าหลบฟังอยู่ในห้องที่พัก ซึ่งอยู่หน้าบ้านผู้ใหญ่

ผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่า...

กรมศิลปากรบุกรุกที่ดิน ซึ่งพวกเขาต้องเสียภาษี

 โดยไม่ได้บอกกล่าว 

นำทรัพย์สินในที่ดินของเขาไปโดยพลการ 

และนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว ฯลฯ

วันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๘

เป็นวันเริ่มต้นทำงานกับโบราณสถาน หมายเลข ๒๕ ของข้าพเจ้า 

หลังจาก ไปวางแผนให้ คนงานเข้าทำงานแล้ว

ข้าพเจ้า ซ้อนมอเตอร์ไซด์ นายเปีย สายพรหม ลูกชายผู้ใหญ่สนิท

เข้าไปที่กิ่งอำเภอโคกปีบ

รายงานตัว กับ หัวหน้ากิ่ง อำเภอโคกปีบ

และหัวหน้าสถานีตำรวจ โคกปีบ ทราบ 

ซึ่งก็ไม่มีใครซักถาม หรือพูดก่อกวนอะไรมากนัก 

คิดว่า คงจะปรับความเข้าใจกันได้ 

และ คงไม่มีใครไปสร้างปัญหา 

หรือ เป็นอุปสรรค์ ต่อการทำงานของข้าพเจ้าตลอด ๗ วันที่เหลือนี้

รายละเอียด อ่านได้จากรายงานการขุดแต่งและขุดค้น เทวสถาน หมายเลข ๒๕ ,๒๖ ตำบลโคกปีบ กิ่งอำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี

ในหนังสือนิตยสารศิลปากร ปีที่ ๒๑ เล่ม ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๐














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น